xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการ ม.อ.ชี้เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภูเก็ตถดถอยในปีหน้าจากค่าเงินบาทแข็ง เทคโนโลยีเปลี่ยน แหล่งท่องเที่ยวทรุดโทรม แนะเร่งปรับตัวก่อนกระทบหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักวิชาการ ม.อ.ภูเก็ต เผยผลวิจัย “จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจภูเก็ต 2020” พบเศรษฐกิจและท่องเที่ยวภูเก็ตอยู่ในภาวะชะลอตัว จาก 3 ปัจจัยหลัก ค่าเงินบาทแข็ง ทำอำนาจซื้อลดลงกว่าร้อยละ 20 การเปลี่ยนของเทคโนโลยี แหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างชายหาดถูกพูดถึงในทางลบมากขึ้น แนะผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้สอดรับต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป กำหนดราคาสินค้าให้สอดคล้องต่อค่าเงิน พร้อมทั้งเพิ่มกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ


ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เปิดผลถึงการผลการวิจัยจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจภูเก็ตในปี 2020 ว่า ฝ่ายวิจัยคณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบสัญญาณว่าเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตกำลังจะเปลี่ยนไป โดยในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยถึงร้อยละ 6.67 ต่อปี ซึ่งภาคการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวดังกล่าว

แต่การขยายตัวดังกล่าวเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ปี 2019 คือปีที่หลายภาคส่วนเริ่มสัมผัสได้ถึงภาวะชะลอตัว แต่ภาวการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน ข้อมูลจำนวนผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ตั้งแต่ปีเดือนมกราคม 2019 จนถึงปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าจังหวัดภูเก็ตโดยเฉลี่ยนั้นจริงๆ แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2561แต่ผลสำรวจล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ผู้ประกอบการภาคบริการและการท่องเที่ยวในเขตภาคใต้สะท้อนความเห็นว่า ผลประกอบการลดลงหากเทียบกับปี 2561 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 อีกทั้งยอดเบิกเกินวงเงินของภาคธุรกิจ (O/D) ในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3.27 โดยไตรมาสที่ 3 ยอด O/D ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 6 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ความต้องการแรงงานในช่วงเวลาเดียวกันลดลงกว่าร้อยละ 24.5


ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ กล่าวต่อว่า ตัวชี้วัดที่ก่อให้เกิดคำถามถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวการณ์ชะงักงันทางธุรกิจของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจการบริการและการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อแทบทุกสกุลเงิน หากพิจารณาสกุลเงินของนักท่องเที่ยวหลักในจังหวัดภูเก็ต พบว่า การแข็งค่าของเงินบาททำให้อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึงร้อยละ 21 หากเทียบกับ 5 ปีก่อน อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวยุโรปลดลงถึงร้อยละ 23 สินค้าและบริการที่เคยถูกมองว่าราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้อาจมีมูลค่าสูงกว่าประเทศอื่นหรือแม้กระทั่งแพงกว่าที่ประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวเอง เช่น ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันสตาร์บัคส์ลาเต้ขนาดเล็ก 1 แก้ว ในป่าตองนักท่องเที่ยวต้องจ่าย 4.02 Euro ในปัจจุบันซึ่งมีราคาสูงกว่าสตาร์บัคส์ลาเต้ ขนาดเล็ก 1 แก้ว ณ กรุงเบอร์ลิน ซึ่งมีราคา 3.97 Euro

“อำนาจการซื้อที่ลดลงดังกล่าวส่งผลในวงกว้าง แม้กระทั่งสินค้าระดับ High-end ทางเราพบว่าแม้กระทั่งราคาเฉลี่ยห้องพัก (ARR) ของโรงแรมระดับหรูในจังหวัดภูเก็ตที่มีราคาขายมากกว่า 10,000 บาทต่อคืน มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 7.03 อีกทั้งอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC.Rate) ก็ลดลงถึงร้อยละ 10.16 ในไตรมาสที่ 3 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่การแข็งค่าขึ้นเงินบาทคงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวการณ์ดังกล่าว” ดร.ชยานนท์ กล่าวและว่า


การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่สมัย Disruption ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ต ข้อมูลล่าสุดยังคงชี้ให้เห็นว่าจังหวัดภูเก็ตยังครองแชมป์ด้านค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อคนต่อวันของผู้มาเยี่ยมเยือนเฉลี่ยวันละ 7,700 กว่าบาท แต่การกระจายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงไป บทบาทของตัวกลางทางดิจิทัลนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น งานวิจัยล่าสุดพบว่าร้อยละ 64 ของของนักท่องเที่ยว Gen Y ในจังหวัดภูเก็ตจองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ B2C เช่น OTA และเรายังพบว่าในปัจจุบันการจองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ C2C มีแนวโน้มสูงขึ้นในจังหวัดภูเก็ตอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตัวกลางดิจิทัลเริ่มมีบทบาทสูงขึ้นในหมวดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวภูเก็ตถึงจุดอิ่มตัว เนื่องจากภูเก็ตใช้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมากว่า 3 ทศวรรษ งานวิจัยล่าสุดโดยใช้ Big data ของคณะฯเริ่มชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดเนื่องจากมิติเรื่องความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ถูกท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอก (การแข่งขันจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นในเมืองรองหรือต่างประเทศ) และปัจจัยภายในซึ่งเราพบว่า ชายหาดยอดนิยมหลายแห่งของจังหวัดภูเก็ตถูกกล่าวถึงในด้านลบมากกว่าในด้านบวก

“ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในระยะสั้น แต่ปัจจัยทั้ง 3 ดังที่กล่าวไปข้างต้นอาจจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดภูเก็ตในเวทีเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ”


ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องปรับตัว โดยกลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าและบริการ ชั่วโมงนี้อย่ามองเพียงมูลค่าเงินบาทของสินค้าและบริการ ผู้ประกอบการควรศึกษาว่าอำนาจการซื้อของลูกค้าหลักของเราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด หากเทียบกับในยุครุ่งเรืองของธุรกิจธุรกิจท่องเที่ยว ด้วยทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นผู้ประกอบการไม่ควรขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ เพราะจะไปซ้ำเติมอำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจและทิศทางค่าเงินบาทการปรับราคาสินค้าและบริการในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าอาจเป็นไปได้ยาก แต่การปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจอยู่ในวิสัยที่ทำได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยมีทิศทางปรับตัวลดลง

เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปธุรกิจภาคการบริการและการท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องปรับตัวสู่ยุค Digital Transformation เช่น การสื่อสารแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ในปัจจุบันอยู่ในรูปแบบการเขียนและอ่านรีวิว ดังนั้น ภาพลักษณ์ของธุรกิจบนโลกดิจิทัลไม่ได้เป็นการสื่อสารด้านเดียวแบบเดิมอีกต่อไป ในหลักการที่ผู้บริโภคตัดสินใจบนข้อมูลสมบูรณ์ (Perfect information) ซึ่งขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจในโลกดิจิทัล รีวิว คอมเมนต์ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค


จากการสำรวจครั้งล่าสุด พบว่า การกลับมาเที่ยวซ้ำของจังหวัดภูเก็ตนั้นสูงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาและเพิ่มจำนวนการกลับมาเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวในยุคที่หลายเมืองในภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ภาครัฐและเอกชนควรยกระดับ เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดภูเก็ต ด้วยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการเซลฟี่ การดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบ mice and incentive travel ที่ส่งเสริมเสถียรภาพของการดำเนินธุรกิจในช่วง Low season หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น การจัดนิทรรศการระดับโลก การแสดงดนตรีระดับโลก การแข่งขันกีฬาทางน้ำระดับโลก เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น