xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รมน.สนธิกำลังล่าชายชุดดำทำร้ายม็อบเรียกร้องที่ดินทำกินสวนปาล์ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กระบี่ - กอ.รมน.กระบี่ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ไล่ล่ากลุ่มชายชุดดำ อุ้มทำร้ายม็อบเรียกร้องที่ดินทำกินสวนปาล์ม หลังตัวแทนลุกฮือยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ถูกชายชุดดำนับสิบอุ้มทำร้าย พร้อมขอกำลังคุ้มครอง


เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (11 ธ.ค.) นายขจิต ผลอินทร์ แกนนำกลุ่มม็อบสวนปาล์มกระบี่น้อย ได้นำสมาชิกประมาณ 300 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.อ.ชัยพิพัฒน์ รันสูงเนิน รอง ผอ.กอ.รมน.จ.กระบี่ เพื่อขอกำลังเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้แก่สมาชิกที่อาศัยอยู่ในสวนปาล์มพิพาท ของบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จํากัด กับพื้นที่ ส.ป.ก. ม.4 และ ม.10 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ หลังจากสมาชิกถูกชายชุดดำปิดบังใบหน้ากว่า 10 คน อุ้มทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา



นายขจิต กล่าวว่า สำหรับสวนปาล์มของบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด มีที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นที่ดินที่ทางบริษัทเข้าไปบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งต่อมา ทางกลุ่มชาวบ้านได้เข้าไปยึดอาศัย เพื่อเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจสอบและนำกลับมาจัดสรรให้แก่คนจนไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งขณะนี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันเข้าไปยึดพื้นที่มีหลายกลุ่ม และเริ่มมีความขัดแย้งรุนแรงขึ้นตามลำดับ ที่ผ่านมา สมาชิกกลุ่มของตนได้ถูกชายชุดดำอุ้มทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมยังข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่


นอกจากนี้ กลุ่มชายดังกล่าวยังได้เข้ารื้อถอนทำลายบ้านพักอาศัยของสมาชิกเสียหายไป 1 หลัง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกตนรับไม่ได้ เพราะคนที่จะมาให้พวกตนออกจากพื้นที่ได้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น

ต่อมา พ.อ.ชัยพิพัฒน์ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของนายขจิต พบว่า พื้นที่เกิดเหตุอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน ของ บ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางบริษัทฯ อ้างสิทธิว่ามีหลักฐานครอบครองถูกต้อง ม.4 ต.กระบี่น้อย โดยภายในสวนปาล์ม มกลุ่มชาวบ้านเข้าไปยึดครองสร้างบ้านพักกว่า 100 หลังคาเรือน โดยชาวบ้านที่ถูกทำร้าย ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ในวันเกิดเหตุ มีชายชุดดำปกปิดใบหน้ากว่า 10 คน เข้ามารุมทำร้ายและข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มม็อบอีกกลุ่ม


ด้าน พ.อชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสวนปาล์ม มีประมาณ 3-4 กลุ่ม คาดว่าเกิดจากความขัดแย้งกันในพื้นที่ แต่การกระทำที่เกิดขึ้นถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิของบริษัทฯ ว่าได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือว่าเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก.หากว่าเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.เตรียมยึดคืนมาจัดสรรให้คนจนไม่มีที่ดินทำกินในเร็วๆ นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น