นครศรีธรรมราช - เมีย “หนังน้องเดียว” ยังใจเย็นหอบ 2 ลูกน้อยขึ้นโรงพัก ชี้แจง ตร.ไม่ได้หนีไปไหนอยู่บ้านตลอด วอนหนังน้องเดียวสามีกลับบ้านมาอยู่เป็นครอบครัวเพื่อลูก
วันนี้ (5 ธ.ค.) ที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นางสุนิสา สุวรรณแว่นทอง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327/22 ถนนประชาอุทิศ ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยลูกน้อย 2 คน รวมทั้งมารดา น้องสาว และนายรชฎ นิติธรรมวงษ์ ทนายความ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอลงบันทึกประจำวันชี้แจงกรณีที่ นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง หรือ “หนังน้องเดียว” ศิลปินหนังตะลุงชื่อดังภาคใต้มาแจ้งความว่าเมียหนีไปพร้อมกับรถยนต์ 2 คัน และสมุดคิวงานของนายหนังนั้น
โดย นางสุนิสา ได้ชี้แจงกับพนักงานสอบสวนว่า ตนเองไม่ได้หนีไปไหนตามที่ “หนังน้องเดียว” สามีกล่าวอ้าง อยู่บ้านที่ทุ่งสงตลอด อยู่ดูแลลูกทั้ง 2 โดยตัวนายหนังเองที่ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของสมุดคิวงานเล่นหนังตะลุง ตนเป็นคนรับคิวหนังเอง และจะมีการแจ้งคิวงานแต่ละคืนลงในไลน์กลุ่มของคณะหนังตะลุง ทุกคนในวงรวมถึงนายหนังน้องเดียวสามีก็รู้ ซึ่งเรื่องคิวการแสดงไม่ได้มีปัญหาอะไร และเจ้าภาพคนใดจะติดต่อจ้างหนังก็ยังคงติดต่อมาทีตนเหมือนเดิม ขณะตนพยายามโทรหานายหนังแต่ไม่รับสาย
โดย นางสุนิสา ได้ลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานและระบุในบันทึกประจำวันว่า คิวการแสดงหนังตะลุงของ “หนังน้องเดียว” สามี ตนเป็นผู้เก็บรักษาไว้และยังเป็นผู้รับงานการแสดงอยู่ ก่อนจะแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า การมาครั้งนี้เพื่อเป็นการลงบันทึกประจำวันและชี้แจงเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ได้หนีไปไหนยังอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลา เป็นการมาชี้แจงเพื่อป้องกันตัวเองด้วย ส่วนสาเหตุนั้นก็มาจากปัญหาครอบครัว อยากจะฝากบอกผ่านสื่อไปยัง “หนังน้องเดียว” สามีว่า อยากให้กลับมาบ้าน มาอยู่กับลูกมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม อยากให้ทุกอย่างยุติแค่นี้
สำหรับสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่มีมานานแล้วโดย “หนังน้องเดียว” กับภรรยามีปัญหาระหองระแหงกันเนื่องจากภรรยาจับได้ว่า “หนังน้องเดียว” แอบมีภรรยาน้อยเป็นคนแถวภาคอีสาน แต่ทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกันเพราะเห็นแก่ลูก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเมียทราบว่า “หนังน้องเดียว” ยังคงติดต่อกับภรรยาน้อยอยู่ และช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 นี้จะเดินทางไปสู่ขอภรรยาน้อยที่ภาคอีสานจึงได้มีการระหองระแหงถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ จนกระทั่ง “หนังน้องเดียว” ไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งสง ดังกล่าว