ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ตัวแทนกลุ่ม “บุหงารายา” จากปัตตานีร่วมเวทีสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องชนกลุ่มน้อย ชี้ภาษายาวี-มลายูอยู่ในภาวะวิกฤตจากนโยบายกลืนวัฒนธรรมและภาษาของรัฐไทย เรียกร้องรัฐบาลไทยหยุดการผสมกลืนกลายให้ตาดีกาเป็นเขตปลอดอาวุธ มีอิสรภาพพัฒนาภาษาและวัฒนธรรมปาตานี
วานนี้ (28 พ.ย.) ที่เมืองเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเวทีสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นเวทีเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะของแต่ละประเทศว่าด้วยการศึกษาและการสอนภาษาของชนกลุ่มน้อย นายฮาซัน ยามาดีบุ ตัวแทนกลุ่มบุหงารายา ได้เข้าร่วมเวทีดังกล่าว โดยเริ่มต้น นายฮาซันได้แนะนำตัวต่อที่ประชุมว่าเขามาจากปาตานีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีชุมชนมลายูมุสลิมขนาดใหญ่แยกมาจากเชื้อชาติมลายูส่วนใหญ่ในมาเลเซียและอินโดนีเซียและมีเอกลักษณ์ของปาตานีและภาษายาวี-มลายู (Yawi-Malay) เราเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกพัฒนาน้อยที่สุดในประเทศไทยเราได้พยายามสร้างระบบโรงเรียนสำหรับการสอนภาษาและวัฒนธรรมของเราให้แก่เด็กๆ ของเราเพราะภาษาและวัฒนธรรมของเราไม่ได้ถูกสอนในโรงเรียนรัฐบาล
“ภาษาของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากนโยบายการผสานกลืนในระยะยาวโดยฝ่ายปกครองของไทยเช่น การเปลี่ยนชื่อสถานที่ของเราเป็นภาษาไทย การปรับคำศัพท์ไวยากรณ์ที่ไม่ถูกต้องและขาดการอ่านเขียน ประเทศไทยไม่มีนโยบายใดๆในการส่งเสริมและปกป้องตัวตนและภาษาของเรา พวกเขาส่งเสริมวัฒนธรรมไทยเหนือวัฒนธรรมปาตานีในโรงเรียนตาดิกาของเราและได้เข้าไปแทรกแซงในหลักสูตรโรงเรียนของเราและพยายามบังคับให้สะกดคำภาษายาวีเป็นตัวอักษรไทย”
นายฮาซัน กล่าวว่า ในปัจจุบัน การสอนภาษาและวัฒนธรรมปาตานี-มลายูถูกขัดขวางหรือขัดจังหวะโดยรัฐบาลไทยคิดว่าโรงเรียนเหล่านี้มีผู้แบ่งแยกดินแดนและเป็นโรงเรียนสำหรับความคิดแบบสุดโต่ง ครูมลายูหลายร้อยคนถูกจับกุมในข้อหาผู้สนับสนุนแบ่งแยกดินแดนและมีการส่งเจ้าหน้าที่ทหารติดอาวุธไปยังโรงเรียนของเราสถานการณ์นี้เป็นอันตรายเพราะทำให้โรงเรียนเป็นเป้าหมายของการโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธฝ่ายค้านดังนั้นในการประชุม อยากจะเน้นว่าการพัฒนาภาษาและวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยนั้นยากเพียงใดเมื่ออยู่ภายใต้นโยบายและแนวปฏิบัติในการซึมซับอย่างก้าวร้าวผลกระทบเชิงลบของสิ่งนี้ต่อชุมชนของเรา
นายฮาซัน กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลไทย ขอแนะนำ ดังนี้(1) ประเทศไทยจะต้องหยุดการผสมกลืนกลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านหลักสูตรโรงเรียนตาดีกา(2) โรงเรียนจะต้องไม่เป็นสถานที่ของทหารติดอาวุธหรือปฏิบัติการทางทหารและ (3) โรงเรียนตาดิกาและปอเนาะต้องมีอิสรภาพเพื่อพัฒนาภาษาและวัฒนธรรมปาตานีโดยไม่ต้องสงสัยหรือตั้งแง่เชิงลบ