xs
xsm
sm
md
lg

โรคใบร่วงยางพาราระบาดแล้ว 3 อำเภอใน จ.ยะลา ทำผลผลิตยางลดฮวบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ยะลา - ผอ.กยท.เขตภาคใต้ตอนล่าง เผยสถานการณ์โรคใบร่วงยางพารา ลุกลามระบาดแล้วใน 3 อำเภอของ จ.ยะลา รวมพื้นที่ 1,760 ไร่ ผลผลิตยางลดฮวบ เร่งระดมเจ้าหน้าที่เข้าแก้ปัญหา

วันนี้ (27 พ.ย.) นายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง ลงพื้นที่ในเขตภาคใต้ตอนล่าง เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคใบร่วงยางพารา ซึ่งเกิดจากเชื้อรา สาเหตุคือ Pestalotiopsis sp. โรคใบร่วง Pestalotiopsis sp. พบระบาดรุนแรงในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี พ.ศ.2559 และระบาดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมเนื้อที่กว่า 2 ล้านไร่ ทั้งนี้ โรคดังกล่าวได้แพร่ระบาดเข้ามาในประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ.2560 เนื้อที่ประมาณ 1 แสนกว่าไร่ สำหรับประเทศไทยได้พบโรคนี้เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2562 ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย

นายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง กล่าวว่า จากการพบโรคใบร่วงยางพารา ซึ่งเกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. ที่ จ.นราธิวาส เมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมานั้น การแพร่กระจายของโรคนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมด้านภูมิอากาศในพื้นที่นี้อยู่ในเขตร้อนชื้น และในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน มีความชื้นสูง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราสาเหตุโรค จึงทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรคชนิดนี้แล้วคือ จ.นราธิวาส (ทุกอำเภอ) เนื้อที่ 432,347 ไร่ และ จ.ยะลา 3 อำเภอ (รามัน, บันนังสตา และเบตง) เนื้อที่ 1,760 ไร่ รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ที่พบการระบาดของโรคนี้แล้วเช่นกัน ได้แก่ จ.ตรัง กระบี่ พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี
 


 
นายสุรชัย ยังกล่าวอีกว่า อาการของโรคปรากฏบนใบแก่ ลักษณะเป็นแผลกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 0.5 เซนติเมตร เริ่มแรกอาการบนใบเป็นรอยสีเหลือง ค่อนข้างกลม และต่อมาจะตายแห้ง เป็นแผลกลมสีสนิมซีด โดยจะพบบนใบมากกว่า 1 แผล และต่อมาใบจะร่วงในที่สุด จะทำให้ใบแก่ร่วงอย่างรุนแรงในยางพาราทุกพันธุ์ โดยเฉพาะสวนยางใหญ่ (เปิดกรีดแล้ว) ทำให้ใบยางร่วงอย่างรุนแรงจนถึงร่วงหมดทั้งต้น ทำให้ผลผลิตลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อต้นยางผลิใบใหม่ พอใบยางแก่เต็มที่ และมีสภาพอากาศที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของเชื้อสาเหตุ ก็จะทำให้เกิดอาการใบร่วงเช่นเดิมอีก และอาจทำให้กิ่งเล็กๆ แห้งตายได้

การป้องกันกำจัดโรค ใส่ปุ๋ยบำรุงสม่ำเสมอเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ต้นยาง เมื่อเกิดการระบาดของโรคจะทำให้ต้นยางสามารถสร้างใบใหม่ออกมาทดแทนใบยางที่ร่วงได้อย่างรวดเร็ว หากสังเกตเห็นต้นยางมีทรงพุ่มไม่สดชื่น ใบออกเหลือง ให้รีบตรวจสอบอาการของโรคบนใบ และใบยางที่ร่วง หากพบมีอาการของโรคให้รีบใช้สารเคมี เช่น เบโนมิล, แมนโคเซป, สารกลุ่มไตรอะโซล, ไทโอฟาเนต-เมธิล ฉีดพ่นทรงพุ่มให้ทั่วทั้งแปลง โดยใช้เครื่องฉีดพ่นสารเคมีแรงดันสูง หรืออาจใช้เชื้อจุลินทรีย์ เช่น ไตรโคเดอร์มา (ยังไม่มีรายงานการใช้) แต่มีข้อจำกัด คือต้องใช้ซ้ำบ่อยๆ หลายครั้ง

นายสุรชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากเกษตรกรชาวสวนยางท่านใดพบการระบาดของโรค หรือสงสัยว่ามีอาการของโรคใบร่วงดังกล่าว ให้ดำเนินการถ่ายรูป และสามารถแจ้งข้อมูลไปยังการยางแห่งประเทศไทย ทุกสาขาใกล้บ้านท่านโดยด่วน เพื่อหาแนวทางป้องกันกำจัดไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายต่อไป
 




กำลังโหลดความคิดเห็น