xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” ร่วมงาน “วันที่อยู่อาศัยโลก” ภาคใต้ที่ จ.กระบี่ เตรียมขยายผลแก้ไขปัญหาที่ดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ เป็นประธานงาน “วันที่อยู่อาศัยโลก” ภาคใต้ที่ จ.กระบี่ พร้อมมอบบ้านมั่นคงชนบทในที่ดินป่าชายเลน และบ้านพอเพียงรวม 2,420 ครัวเรือน เตรียมขยายผลแก้ไขปัญหาที่ดินป่าชายเลน และกรมเจ้าท่าทั่วประเทศ

วันนี้ (25 พ.ย.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ร่วมกับขบวนเครือข่ายองค์กรชุมชนภาคใต้ จัดงานมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกภาคใต้ “20 ปี พอช. พลังองค์กรชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ชุมชนทับตะวัน เทศบาลตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งเป็นชุมชนประมงพื้นบ้าน โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ เป็นประธานพิธีในงานดังกล่าว และมี นายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าฯ จ.กระบี่ ผู้บริหารสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ และผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนในภาคใต้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้มอบงบประมาณโครงการบ้านมั่นคงชนบทในที่ดินป่าชายเลน ในเขตเทศบาลตำบลแหลมสัก 3 ชุมชน จำนวน 390 ครัวเรือน งบประมาณ 16 ล้านบาทเศษ มอบบ้านที่ซ่อม และสร้างเสร็จแล้ว 217 หลัง มอบบ้านพอเพียงชนบทภาคใต้ปี 2562 (สนับสนุนการซ่อมสร้างบ้านครัวเรือนที่ยากจน สภาพทรุดโทรมทั่วประเทศ ไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท) จำนวน 2,203 ครัวเรือน งบประมาณรวม 41 ล้านบาทเศษ รวมมอบบ้านทั้งหมด 2,420 ครัวเรือน

นอกจากนี้ ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น นิทรรศการกระบวนการทำงานของเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดกระบี่ ปฏิบัติการลงมือ “สร้างบ้าน สร้างชุมชน 3 วันเสร็จ 7 วันอยู่” เวทีเสวนา “สร้างบ้าน สร้างชุมชน โดยทุกคนร่วมกันสร้าง” ตลาดนัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจำหน่าย และจัดแสดงผลิตภัณฑ์สินค้าจากชุมชน
 


 
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อยของรัฐบาลว่า รัฐบาลมีแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการ มีแผนงานตั้งแต่ปี 2560-2579 รวม 1.2 ล้านครัวเรือน ขณะนี้สร้างบ้านมั่นคง บ้านพอเพียงทั่วประเทศแล้วประมาณ 1 แสนครัวเรือน เพื่อให้พี่น้องมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย มีงบสนับสนุนการพัฒนาเรื่องสาธารณูปโภค มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาวเพื่อให้มาสร้างบ้าน และร่วมกันพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง

“ส่วนพี่น้องที่อยู่อาศัยในป่าชายเลน ซึ่งเดิมเป็นการอยู่อาศัยที่ไม่ถูกกฎหมาย รัฐบาลก็จะรับรองให้พี่น้องอยู่อาศัยโดยถูกกฎหมาย เช่น พี่น้องชาวประมงที่แหลมสัก และช่วยเป็นกันชนไม่ให้มีการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่ม และต้องช่วยกันดูแลรักษาป่า ช่วยกันปลูกป่าชายเลน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนดั้งเดิมอยู่อาศัยได้อย่างถูกกฎหมาย แต่จะต้องไม่บุกรุกป่าเพิ่มเติม” รองนายกฯ กล่าว

ด้าน นายปฏิภาณ จุมผา ผู้อำนวยการสำนักงานภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า ชุมชนชาวประมงพื้นบ้านในเขตเทศบาลตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ มี 3 ชุมชน คือ ชุมชนทรายทอง ชุมชนแหลมทอง และชุมชนทับตะวัน มีปัญหาความไม่มั่นคงเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย เนื่องจากปลูกสร้างบ้านในที่ดินป่าชายเลน และบางส่วนอยู่ในที่ดินของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เมื่อรัฐบาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคงในที่ดิน ที่อยู่อาศัย ให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในที่ดินป่าชายเลนมาก่อนปี 2534 ให้อยู่อาศัยได้โดยถูกต้อง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จึงสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2559 มีการแต่งตั้งคณะทำงานที่มาจากชาวบ้าน เริ่มจากการสำรวจข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ในชุมชน

จากการสำรวจข้อมูล พบว่า มีผู้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยทั้งหมด 427 ครัวเรือน แยกเป็นอยู่ในเขตที่ดินป่าชายเลน 358 ครัวเรือน อยู่ในเขตที่ดินของกรมเจ้าท่า 65 ครัวเรือน และอยู่ในที่ดินเอกชน 4 ครัวเรือน ที่อยู่อาศัยมีสภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม นอกจากนั้น ยังมีสภาพปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะ น้ำเสีย ไม่มีระบบการบำบัดจากครัวเรือน ปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค เช่น ถนน สะพานชำรุด โดย พอช.สนับสนุนงบประมาณซ่อมสร้างบ้านหลังละ 40,000 บาท (ไม่รวมงบประมาณด้านสาธารณูปโภคส่วนกลาง)
 


 
นายก้อเฉม ดีเดช ผู้นำชุมชน กล่าวว่า เงินที่ พอช.สนับสนุนครัวเรือนละ 40,000 บาท ชาวชุมชนตกลงกันว่าจะให้ครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือชำระเงินคืน เพื่อนำเงินมาเข้ากองทุนที่อยู่อาศัย เพื่อให้กองทุนเกิดความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนรายอื่นได้ โดยให้ชำระคืนเดือนละ 100 บาทต่อจำนวนเงิน 10,000 บาท เช่น หากได้รับการสนับสนุน 40,000 บาท จะต้องคืนเงินเข้ากองทุนเดือนละ 400 บาท จนกว่าจะครบตามจำนวนเงินที่ได้รับการสนับสนุน

ส่วนการซ่อมสร้างบ้านนั้น ชาวบ้านจะใช้วิธีการลงแรงช่วยกัน และมีช่างอาสาที่เป็นช่างชุมชนจากจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ที่หมุนเวียนมาช่วยกันสร้างบ้านประมาณ 50 คน ทำให้ซ่อมสร้างบ้านได้เร็ว 3 วันเสร็จ 7 วันเข้าอยู่ได้ นอกจากนี้ ชุมชนยังร่วมกันสร้างบ้านให้ผู้ด้อยโอกาสในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่มีรายได้ ไม่มีลูกหลานดูแล งบประมาณสร้างบ้านหลังละ 40,000-60,000 บาท โดยชาวชุมชนจะช่วยกันลงแรงก่อสร้างบ้าน ใช้งบประมาณจากโครงการบ้านมั่นคงชนบทที่ พอช.สนับสนุน ขณะนี้สร้างบ้านให้ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนแล้ว 6 หลัง

ปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2562) พอช.สนับสนุนการซ่อมสร้างบ้านในชุมชนชาวประมงแหลมสัก 3 ชุมชน รวม 390 ครัวเรือน งบประมาณรวม 16 ล้านบาทเศษ ซ่อมสร้างบ้านเสร็จแล้ว จำนวน 183 ครัวเรือน อยู่ระหว่างดำเนินการ 34 ครัวเรือน ขณะที่ชาวชุมชนที่รวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ และกองทุนเพื่อที่อยู่อาศัย มีเงินออมรวมกัน (3 ชุมชน) ประมาณ 443,000 บาท
 


 
นายธีรพล สุวรรณรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า นอกจากการแก้ไขปัญหาที่ดิน และที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวประมงแหลมสักในขณะนี้แล้ว พอช.ยังสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ดิน และที่อยู่อาศัยในเขตป่าชายเลน และกรมเจ้าท่า ในพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้ 9 จังหวัด รวม 56 ชุมชน ทำให้เกิดพื้นที่รูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน และพื้นที่ของกรมเจ้าท่า พอช.กับขบวนองค์กรชุมชนภาคใต้ จึงจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกที่ชุมชนชาวประมงแหลมสัก มีเป้าหมายเพื่อเปิดพื้นที่ต่อสาธารณะ และแสดงรูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าชายเลน และกรมเจ้าท่า

“การแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่ชุมชนประมงแหลมสัก จะเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานในท้องถิ่น ทั้งระดับจังหวัด และเทศบาล รวมทั้งบทบาทของ พอช. และขบวนองค์กรชุมชน ที่ได้ร่วมกันสร้างความมั่นคงในที่ดินทำกิน และการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ซึ่งสอดคล้องต่อวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ที่จะทำให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579 โดย พอช.จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และพี่น้องขบวนองค์กรชุมชนขยายผลไปสู่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป” รอง ผอ.พอช.กล่าว
 


กำลังโหลดความคิดเห็น