xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านกว่า 200 คน รวมตัวในสวนปาล์มหมดสัมปทาน ไม่พอใจให้เอกชนเก็บผลผลิตต่อ เรียกร้องจัดสรรที่ดินให้คนจนทำกิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านจาก 14 หมู่บ้านกว่า 200 คน รวมตัวในสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่ ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ไม่พอใจธนารักษ์พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ผู้ประกอบการรายเดิมจัดเก็บผลผลิตในพื้นที่หมดสัญญาเช่า เรียกร้องให้ทางจังหวัดชี้แจงความคืบหน้าการจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐ



ชาวบ้านจาก 14 หมู่บ้านในพื้นที่ ต.บางสวรรค์ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 200 คน ได้เข้ามาปักหลักอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ที่ 2 บ้านใต้โตรน ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ แปลง 848 บ่อถ่านศิลา ที่บริษัทแสงสวรรค์น้ำมันปาล์ม จำกัด เช่าจากกรมป่าไม้ และได้หมดสัญญาเช่าไปเมื่อเดือนมกราคม 255 และอยู่ในระหว่างที่ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการจัดสรรให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล




นายอนุสรณ อิทร์ปัตย์ อดีตกำนันตำบลบางสวรรค์ หนึ่งในตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า ชาวบ้านที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันนั้นเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด และเป็นผู้ไม่มีที่ดินทำกิน พร้อมทั้งผ่านกระบวนการคัดกรองชุมชนที่จะได้รับสิทธิการจัดสรรที่ดินมาแล้วทั้งสิ้น และเหตุที่เข้ามาในสวนปาล์มไม่ได้เข้ามาบุกยึดพื้นที่ เพียงแต่แสดงเจตจำนงให้ทางจังหวัด หรือธนารักษ์พื้นที่ ออกมาชี้แจงถึงขั้นตอนการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนไปถึงไหนแล้ว

เนื่องจากวันเวลาผ่านไป 6 ปี ประกอบกับผู้ประกอบการ (บ.แสงศิริน้ำมันปาล์ม) ยังคงดำเนินการจัดเก็บผลผลิตในสวนปาล์มอย่างต่อเนื่อง จึงเข้าใจว่าทางธนารักษ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ผู้ประกอบการรายเดิมเช่าพื้นที่ทำประโยชน์ต่อไปอีก หากเป็นดังนั้นเท่ากับว่าธนารักษ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ดำเนินการกระทำผิดมติ ครม.ปี 2546 และเป็นการกระทำความผิดทางกฎหมายอีกด้วย ประกอบกับ ชาวบ้านไม่พอใจกระบวนการที่ทางจังหวัดมีมติให้จัดสรรที่ดินให้ผู้ไม่มีที่ดินทำกินในพื้นที่ร้อยละ 40 และจัดสรรให้องค์กรนอกพื้นที่ถึงร้อยละ 60 ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นที่ค้างคาใจแก่ชาวบ้าน จึงเรียกร้องให้ทางจังหวัดลงมาชี้แจง หากไม่มีใครมาชี้แจงก็จะปักหลักอยู่ในพื้นที่ต่อไป


ต่อมา นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มอบหมายให้นายจงภักดิ์ ใจดี ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเดินทางลงพื้นที่พบปะกับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมชี้แจงว่า พื้นที่สัมปทานของบริษัท แสงศิริน้ำมันปาล์ม จำกัด มีพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ และพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ มีประมาณ 4,000 กว่าไร่ ได้ดำเนินต่อสัญญาให้ผู้ประกอบการรายเดิมไปครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด และส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งหรือกว่า 2,000 ไร่ ได้เตรียมจัดสรรให้แก่ราษฎรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ จึงมอบให้ทางผู้ประกอบการรายเดิมดำเนินการจัดเก็บผลผลิตต่อไป แต่ต้องจัดส่งรายได้ส่วนหนึ่งให้แก่กรมธนารักษ์ในอัตราเท่ากับค่าเช่าปีละ 300 บาทต่อไร่ โดยมิได้ดำเนินการทำสัญญาการเช่าแต่อย่างใด

ในส่วนการจัดสรรที่ดินแบบ 60/40 นั้น หากชาวบ้านไม่พอใจสามารถทำหนังสือโต้แย้งไปทางจังหวัดได้ ซึ่งทางธนารักษ์จังหวัดสุราษฎร์ธานียังอธิบายขั้นตอนการดำเนินการจัดสรรที่ดินในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่จึงขอให้ทางชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งในรูปแบบองค์การ หรือในรูปสหกรณ์และมอบหมายให้ใครเป็นผู้แทนเข้ายื่นหนังสือขอใช้ที่ดินต่อนายอำเภอ และนายอำเภอจะส่งหนังสือมาที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ จากนั้นตนจะนำเข้าสู่วาระการประชุมของคณะกรรมการ ทคจ.เพื่อดำเนินการต่อไปตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตนเห็นว่าการจัดสรรรูปแบบ 60/40 นั้นคนในพื้นที่ได้เปรียบมีโอกาสมากกว่าคนนอกพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือขอให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่กลับไปดำเนินการตามรูปแบบที่ทางจังหวัดกำหนดเพื่อกระบวนการจัดสรรที่ดินจะได้รวดเร็วขึ้น หากยังดื้อเพ่งทางตนก็จำเป็นจะต้องดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก เนื่องจากเป็นนโยบายจากทางจังหวัดที่มิให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวบุกเข้ายึดพื้นที่ที่เตรียมการจัดสรร

กลุ่มชาวบ้านพอใจและได้ทยอยเก็บของเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อดำเนินการตามรูปแบบของทางจังหวัดต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น