xs
xsm
sm
md
lg

เผยภาพสลดใจ! ด่านกักกันสัตว์สงขลาฆ่าฝังดินไก่ทั้งเป็นเกือบ 4,000 ตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สลดใจ! จนท.ด่านกักกันสัตว์สงขลา ใช้วิธีขุดหลุมฆ่าฝังดินไก่ทั้งเป็นเกือบ 4,000 ตัว ซึ่งเป็นไก่ของกลางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย และถูกสังคมวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ล่าสุด จนท.ยืนยันทำตามหลักการุณยฆาต ขณะที่อธิบดีกรมปศุสัตว์สั่งสอบข้อเท็จจริงด่วนที่สุด

ภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา ซึ่งตั้งอยู่ถนนศรีภูวนารถ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำลายไก่ของกลางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย เกือบ 4,000 ตัว โดยใช้วิธีการขุดหลุมฆ่าฝังดินทั้งเป็น ภายในบริเวณคอกกัก ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทำลายซากสัตว์ผิดกฎหมาย ตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักงานด่านกักกันสัตว์สงขลา ซึ่งการฝังไก่ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) ก่อนที่จะมีการถมดินฝังกลบไก่ทั้งเป็น

จนกลายเป็นภาพที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะถูกมองว่าเป็นการทรมานสัตว์ และมีการตั้งคำถามว่า เจ้าหน้าที่ใช้วิธีทำลายที่ผิดระเบียบหลักเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งจากภาพมีการจับไก่โยนลงไปในบ่อที่มีน้ำขังอยู่ทีละตัวจนขาดใจตายทับถมกันแน่นบ่อ และบางตัวพยายามตีปีกเพื่อเอาชีวิตรอด และสุดท้ายก็ไม่รอด และถูกฝังกลบจนตายทั้งเป็น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลไปยังด่านกักกันสัตว์สงขลา เบื้องต้นทราบว่า ไก่ที่ถูกฆ่าฝังดินมีจำนวน 3,984 ตัวนั้น เป็นไก่ที่ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรปาดังเบซาร์ และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา จับกุมได้ขณะที่มีการลักลอบขนเข้ามาจากประเทศมาเลเซียหลายคันรถ เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อเสร็จกระบวนการทางระเบียบของศุลกากร ก็ได้ส่งให้ด่านกักกันสัตว์สงขลา ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน โดยนำมากองรวมกันไว้ภายในบริเวณคอกกัก ปล่อยให้ตากแดดตากฝน 1 วัน พร้อมกับมีการขุดหลุมเตรียมเอาไว้ และลงมือฝังทั้งเป็นตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย ซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะต้องโยนลงไปทีละตัว ซึ่งในบ่อมีน้ำขังอยู่ด้วย เนื่องจากระหว่างที่ขุดหลุมรอมีฝนตกลงมา
 


 
ซึ่งตามกฎหมายโรคระบาดสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ปีก รวมทั้งไก่ที่ลักลอบนำเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ต้องถูกกำจัดทำลายเท่านั้น ไม่เปิดโอกาสให้เลี้ยงหรือขายทอดตลาด อันเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกสากล

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลวิธีการทำลาย พบว่า เป็นการทำลายโดยผิดวิธี และผิดหลักเกณฑ์ของกรมปศุสัตว์ แต่การที่เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา ใช้วิธีฝังทั้งเป็นอาจเป็นไปได้ว่าจำนวนไก่ที่มีมากขนาดนี้ หากทำตามระเบียบค่อนข้างลำบาก และยุ่งยาก จึงใช้วิธีขุดหลุมฝังกลบแทน ซึ่งสะดวกและง่ายกว่า และเป็นครั้งแรกที่มีการยึดไก่ได้มากขนาดนี้

สำหรับหลักเกณฑ์ และวิธีการทำลายสัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรว่าเป็นโรคระบาดหรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาด พ.ศ.2562 ตามประกาศของกรมปศุสัตว์ ให้ดำเนินการตามหลักการการุณยฆาต โดยเฉพาะกรณีนก ไก่ เป็ด ห่าน ให้ใช้สารเคมีให้สัตว์กิน ฉีดหรือสูดดมเข้าร่างกายสัตว์ เพื่อให้สัตว์นั้นตายโดยไม่ทรมาน หรือใช้วิธีการดึงคอให้สัตว์ตาย

ผู้ข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องนี้ ล่าสุด ทางกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ รับทราบแล้ว และได้สั่งการให้ทางหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยด่วน เนื่องจากภาพที่ปรากฏออกมาสะเทือนใจ และถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นการทรมานสัตว์ แม้จะเป็นไก่เลี้ยงจากฟาร์มก็ตาม
 


 
ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังด่านกักกันสัตว์สงขลา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้กับ น.ส.รัญกิตย์ สิสม นายสัตวแพทย์ชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา แต่ยังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ได้ให้เจ้าหน้าที่มาชี้แจงประเด็นข้อสงสัยในเบื้องต้น โดยเฉพาะภาพที่มีการโยนไก่เป็นๆ ลงไปในบ่อ ซึ่งกลายเป็นข้อสงสัยว่าเป็นการฝังกลบไก่ทั้งเป็นหรือไม่

โดยยืนยันว่าเป็นการทำลายด้วยวิธีการดึงคอให้ไก่หมดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ตามหลักการการุณยฆาต แล้วนำซากไก่ทั้งหมดฝังในหลุม แต่บางตัวอาจจะยังไม่ตายทันที และลงไปกระพือปีกอยู่ในบ่อ ทำให้ดูเหมือนว่าโยนไก่ลงไปเป็นๆ ซึ่งทางรักษาการหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา จะชี้แจงในรายละเอียดของเรื่องนี้เป็นหนังสืออีกครั้ง

ขณะที่ล่าสุด กรมปศุสัตว์ ก็ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดของเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยนายสัตวแพทย์สรวิศ รานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากรักษาการหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา ร่วมกันยึดอายัดสัตว์ไก่ที่มีผู้ลักลอบนำสัตว์เข้าผ่านพื้นที่เขตอารักขาของด่านศุลกากรปาดังเบซาร์
 


 
โดยบรรจุในตะกร้าพลาสติก 664 ใบ ซึ่งผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร และพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 จากนั้นนำของกลางมากักไว้ภายในพื้นที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา ในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยไก่ยังอยู่ในตะกร้าพลาสติกทั้งหมด วางไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ต่อมา ในวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 08.30 น. ไก่ของกลางเริ่มทยอยตาย สัตวแพทย์ประจำด่านกักกันสัตว์สงขลาจึงได้ตรวจสุขภาพ

เบื้องต้นพบว่ามีอาการหอบ หายใจรุนแรง พิจารณาแล้วสงสัยว่าอาจเป็นโรคระบาด เนื่องจากไม่มีการขออนุญาตนำเข้า ไม่มีเอกสารยืนยันแหล่งที่มา ไม่มีหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certifcate) และไม่ผ่านการตรวจสอบจากประเทศต้นทาง ประกอบกับจังหวัดสงขลา ได้ประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดไข้หวัดนกในสัตว์ปีกจำพวกนก ไก่ เป็ด และห่าน รวมถึงน้ำเชื้อสำหรับผสมพันธุ์ และไข่สำหรับใช้ทำพันธุ์

จึงประสานไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคใต้ตอนล่าง ร่วมผ่าพิสูจน์ซากไก่ที่ตาย เบื้องตัน พบความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ โดยมีจุดเลือดออกที่หลอดลม ซึ่งพบได้ในโรคไข้หวัดนก พบก้อนหนองที่ปอด และช่องท้อง ซึ่งพบได้ในโรคนิวคลาสเซิล และโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง (Chronic Respiratory Disease, C.R.) ตับและม้ามโตผิดปกติ
 


 
จึงทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ต่อมา ด่านกักกันสัตว์สงขลา พิจารณาแล้วเห็นว่า ไก่ของกลางดังกล่าวสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจทำให้โรคแพร่กระจายออกไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปึกของประเทศไทยได้ จึงได้ทำลายของกลางดังกล่าว ด้วยวิธีการดึงคอให้ไก่หมดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ตามหลักการการุณยฆาต

ก่อนนำซากไก่ทั้งหมดฝังในหลุมโดยปฏิบัติภายใต้ระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการดำเนินการกับสัตว์หรือซากสัตว์ของกลางที่เป็นโรคระบาด หรือเป็นพาหะของโรคระบาด ซึ่งถูกยึดหรืออายัดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์หรือตามกฎหมายอื่น พ.ศ.2558

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องภาพขณะเจ้าหน้าที่ฝังกลบไก่ โดยที่ไก่ยังไม่ตาย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ และสะเทือนความรู้สึกได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวด่วนที่สุด หากปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ฝังไก่โดยไม่ทำลายตามหลักการการุณยฆาตก่อน ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการทำลายสัตว์ตามประกาศของกรมปศุสัตว์ จะลงโทษตามระเบียบต่อไป
 












กำลังโหลดความคิดเห็น