ตรัง - สาวตรังและครอบครัวรวม 6 ชีวิต ผวาสุดขีด หลังถูกกลุ่มตัวแทนบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งใน จ.สงขลา ขับรถกระบะ และรถเก๋งไล่ล่าทวงหนี้ค่างวดรถยนต์ ถึงขั้นขับเบียด ชนท้าย และทุบกระจก
วันนี้ (18 พ.ย.) นางรัษฎา ลิ้นหลง อายุ 53 ปี ชาว ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บน 4772 ตรัง ได้นำผู้สื่อข่าวตรวจดูสภาพรถยนต์กระบะของตนเอง พร้อมดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องที่ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ขณะรถยนต์ จำนวน 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เก๋งโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กค 312 สตูล และรถยนต์กระบะนิสสัน สีดำ ทะเบียน ขง 8382 สงขลา ซึ่งมีชายฉกรรจ์ และผู้หญิงอยู่ภายในรถ กำลังขับไล่ล่าติดตามรถยนต์กระบะของตน ที่พยายามขับหนีสุดชีวิต และคนในรถพยายามถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้ เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่ถูกไล่ล่าติดตาม
โดยรถทั้ง 2 คันดังกล่าวพยายามขับแซง ขับเบียดให้รถของตนเองจนมุม และส่งสัญญาณให้จอด ซึ่งขณะนั้นนางรัษฎา เดินทางมาเป็นครอบครัวรวม 6 คน ประกอบด้วย ผู้ชาย 2 คน หญิง 3 คน และหนึ่งในนั้นมีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ รวมทั้งเด็กหญิงวัยขวบเศษอีก 1 คน ทำให้ต่างตกใจสุดขีด ต้องขับหนีสุดชีวิตเพื่อหาทางไปพึ่งตำรวจ โดยที่มีเสียงเด็กหญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ หลังรถถูกชนท้ายและคนในรถส่งเสียงดัง ทั้งนี้ คนในรถพยายามถ่ายคลิปเหตุการณ์ความโกลาหลดังกล่าวไว้ และเมื่อตั้งสติได้ก็โทรศัพท์แจ้ง 191 เพื่อแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ขอพึ่งตำรวจตลอดเวลา
แต่เนื่องจากคนในรถทั้งหมดเป็นชาว จ.ตรัง จึงไม่ชำนาญเส้นทาง และบอกเส้นทางตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือแทบไม่ถูก โดยต้องขับหนีไม่รู้จุดหมายทั้งบนถนนใหญ่และซอยเล็กๆ เพื่อให้หนีรอดรอตำรวจมาช่วยเหลือให้ทันเท่านั้น ขณะที่บางช่วงที่รถต้องชะลอไปต่อไม่ได้ เพราะถูกรถยนต์ทั้ง 2 คันเบียดขวางหน้า ก่อนมีชายฉกรรจ์ และผู้หญิงสวมเสื้อยืดแขนยาว พร้อมป้ายแขวนคอ วิ่งมาใช้มือทุบกระจก และพยายามดึงประตูรถเพื่อให้เปิดออก ทำให้ นางรัษฎา ต้องตัดสินใจถอยรถเพื่อขับหนีต่อไป เพราะทุกคนไม่กล้าจอดและไม่กล้าเปิดประตูลงจากรถ
แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงพื้นที่บ้านโคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง ก็ถูกรถยนต์เก๋งขับขวางหน้า โดยที่รถยนต์กระบะสีดำพุ่งชนท้าย ทำให้ นางรัษฎา ต้องยอมจอดรถ แต่ไม่กล้าลงจากรถ เพราะไม่รู้จักว่ากลุ่มคนดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน ก่อเหตุคุกคาม มีวัตถุประสงค์อะไร ทั้งนี้ ระหว่างตะโกนโต้เถียงกันผ่านกระจกรถ ทำให้ทราบว่ากลุ่มคนดังกล่าวมาจากบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์แห่งหนึ่ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาเพื่อจะทวงหนี้และจะยึดรถ จนกระทั่งตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง มาถึงที่เกิดเหตุ ทุกคนจึงลงจากรถได้
นางรัษฎา กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเอง พร้อมด้วยสามี ลูก หลาน และคนในครอบครัวรวม 6 คน กำลังเดินทางจาก จ.ตรัง เพื่อไปเยี่ยมลูกชายที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ได้เกิดเหตุการณ์ตามคลิปขึ้นเสียก่อน ส่วนกลุ่มคนดังกล่าวต่อมาทราบว่า เป็นพนักงานบริษัทไฟแนนซ์รถแห่งหนึ่งที่ตนเช่าซื้อรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ จากบริษัทโตโยต้าแห่งหนึ่ง ซึ่งได้โอนค่างวดครบแล้วรวม 72 งวดๆ ละ 9,000 บาท แต่ตนและสามียังไม่ว่างจึงยังไม่ได้เข้าไปโอน และไม่ได้ค้างค่างวดแต่อย่างใด อีกทั้งตนก็ไม่เคยได้รับใบแจ้งหนี้ หรือใบทวงหนี้แต่อย่างใด เพียงแค่อาจจ่ายล่าช้าไปบ้าง ทำให้บริษัทไฟแนนซ์เอาจำนวนวันที่ตนเองจ่ายค่างวดล่าช้า มานับคำนวณคิดเป็นค่างวด และค่าติดตามทวงถาม ซึ่งตนเองไม่เคยรับทราบเลย
จนกระทั่งได้มีกลุ่มคนขับรถยนต์มาไล่ตาม ด้วยพฤติการณ์ที่มาทวงทำเหมือนเป็นคนร้าย เหมือนในหนัง ตามไล่ล่า ไล่ชน ลงทุบรถ และยังโทรศัพท์เรียกรถยกให้มายกทั้งรถทั้งคนในรถ หลังพวกตนไม่ยอมลงจากรถ ขณะรอตำรวจ ทั้งนี้ หากรถยนต์ของตนที่กำลังหนีพลิกคว่ำ ก็อาจตายกันหมด จึงขอร้องบริษัทไฟแนนซ์ว่า หากจะทวงหนี้ก็ขอให้แจ้งมาเป็นหนังสือ อย่าทำพฤติการณ์เหมือนในคลิปกับคนอื่นๆ อีก เพราะอันตรายมาก ขนาดตนเองยังตกใจกลัว ยังผวา กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ ต้องพึ่งยานอนหลับ
นอกจากนั้น ระหว่างที่ตำรวจนำตัวไป สภ.คลองหอยโข่ง กลุ่มคนดังกล่าวยังบังคับลูกสาวของตนเองขึ้นรถเพื่อนำตัวไปธนาคาร ให้โอนเงินค่างวด และค่าติดตามทวงถาม รวม 3 เดือน เป็นเงิน 48,260 บาท โดยบอกว่าถ้าจ่ายเงินที่เหลือมาทั้งหมดจะไม่เอาเรื่อง ซึ่งลูกสาวตนเองก็หลงเชื่อ อยากให้เรื่องจบก็ขึ้นรถไปด้วย โดยที่ตนและตำรวจไม่ทันเห็น ซึ่งเป็นเรื่องที่กลุ่มคนดังกล่าวไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ทางตัวแทนบริษัทโตโยต้า ได้แนะนำตนเองให้แจ้งความดำเนินคดีต่อตัวแทนบริษัทไฟแนนซ์ดังกล่าวแล้ว ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนจิตใจ และกระทำผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ พร้อมแนะนำให้รวบรวมหลักฐานส่งมาทางบริษัท โตโยต้าลิสซิ่ง เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อบริษัทไฟแนนซ์ดังกล่าวด้วย เพราะทำให้บริษัทโตโยต้าเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนั้น ตนยังได้แจ้งความที่ สภ.คลองหอยโข่ง ไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน และกำลังรอการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป