ชุมพร - ตำรวจชุมพร ตรวจสอบประวัติ “ครูวา” ฉายา “นางฟ้าไบเกอร์” สาวประเภทสองแอบอ้างเป็นครู หลังเหยื่อแจ้งความแล้วหลายราย ขณะที่ผู้เสียหายยังโผล่ออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง

จากกรณีสาวประเภทสอง หรือ “ครูวา” ขวัญใจหนุ่มๆ ชาวไบเกอร์ จนได้รับฉายาในวงการว่า “นางฟ้าไบเกอร์” ชอบใส่เครื่องแบบชุดข้าราชการอ้างเป็นครู แต่มีพฤติกรรมใช้ความสวยที่หลอกหลวงชายหนุ่มและผู้ประกอบการจำนวนมาก หลังตกเป็นข่าวมีผู้เสียหายออกมาเปิดเผยพฤติกรรมและแจ้งความดำเนินคดีแล้วหลายรายตามข่าวที่เสนอนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (18 พ.ย.) ร.ต.อ.สมชาย สุรสราญวงศ์ รอง สวป.สภ.เมืองชุมพร ได้เข้าพบกับ นางพรรณี ตราโต เจ้าของกิจการสถานที่รับเลี้ยงเด็กและสอนเด็กเล็กก่อนปฐมวัย “พรรณีเนอร์สเซอรี่” ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบถามข้อมูล “ครูวา” สาวประเภทสอง หรือ ชื่อเดิม ว่า นายภานุพงศ์ อัมพวา หรือนายปพิชญา ต่อมาขอเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ว่า นายธัญญ์ฐิชา ศศิโชติกุลวงศ์ อายุ 29 ปี หลังจากข่าว “ครูวา” ตกเป็นข่าวแอบอ้างเป็นข้าราชการครู และมีผู้เสียหายได้ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีในหลายท้องที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ทั้งใน จ.ชุมพร จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังภูมิลำเนาเกิดของ “ครูวา” ในพื้นที่ ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดส่งรายงานให้แก่ผู้บังคับบัญชา
นางพรรณี ตราโต เจ้าของพรรณีเนอร์สเซอรี่ กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา “ครูวา” มาสมัครเข้าทำงาน โดยใช้วุฒิการศึกษา ปวส.จากสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าตนเองเป็นครูสอนนักเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลชื่อดังใน จ.ชุมพร และรับจ้างสอนพิเศษอีกหลายแห่ง ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้ว่า “ครูวา” เป็นสาวประเภทสองแปลงเพศแล้ว เพราะในเอกสารการสมัครระบุคำนำหน้าชื่อว่านาย ตนก็รับไว้เพราะเห็นเป็นคนนอบน้อมน่ารักอัธยาศัยดีพูดจาไพเราะ มอบหมายงานให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กและสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานแก่เด็กๆ ด้วย แต่เป็นการทำงานลักษณะไม่ประจำเพราะเขาอ้างว่ารับจ้างสอนพิเศษ และเป็นติวเตอร์สอนกวดวิชาหลายแห่ง
นางพรรณี กล่าวต่อว่า “ครูวา” ทำงานได้ประมาณ 1 ปี จนกระทั่งเริ่มจับได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นตนรับเงินจากผู้ปกครองแล้วไม่นำมามอบให้ตน แต่เมื่อสอบถามก็ไม่ยอมรับ จากนั้นไม่นาน “ครูวา” เริ่มรู้ตัวก็ได้ชิงออกไปเฉยๆ ไม่มาทำงานอีกเลย เมื่อตนตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อยู่ประมาณ 3 เดือน จนแน่ชัดว่ามีการปลอมลายเซ็นจริงๆ มีความเสียหายราว 2 หมื่นบาท
ตนได้นำหลักฐานไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร ซึ่งยังไม่ดำเนินคดีก็เพราะอยากให้โอกาส “ครูวา” ได้กลับตัวกลับใจ ขณะที่ผู้ปกครองเองก็พร้อมที่จะมาเป็นพยานให้แก่ตน หลังจากนี้ก็จะนำหลักฐานไปมอบให้แก่ทางตำรวจเพิ่มเติม ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอาญานั้นอยู่ระหว่างการปรึกษากับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่อย่างไรบ้าง
จากกรณีสาวประเภทสอง หรือ “ครูวา” ขวัญใจหนุ่มๆ ชาวไบเกอร์ จนได้รับฉายาในวงการว่า “นางฟ้าไบเกอร์” ชอบใส่เครื่องแบบชุดข้าราชการอ้างเป็นครู แต่มีพฤติกรรมใช้ความสวยที่หลอกหลวงชายหนุ่มและผู้ประกอบการจำนวนมาก หลังตกเป็นข่าวมีผู้เสียหายออกมาเปิดเผยพฤติกรรมและแจ้งความดำเนินคดีแล้วหลายรายตามข่าวที่เสนอนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (18 พ.ย.) ร.ต.อ.สมชาย สุรสราญวงศ์ รอง สวป.สภ.เมืองชุมพร ได้เข้าพบกับ นางพรรณี ตราโต เจ้าของกิจการสถานที่รับเลี้ยงเด็กและสอนเด็กเล็กก่อนปฐมวัย “พรรณีเนอร์สเซอรี่” ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบถามข้อมูล “ครูวา” สาวประเภทสอง หรือ ชื่อเดิม ว่า นายภานุพงศ์ อัมพวา หรือนายปพิชญา ต่อมาขอเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ว่า นายธัญญ์ฐิชา ศศิโชติกุลวงศ์ อายุ 29 ปี หลังจากข่าว “ครูวา” ตกเป็นข่าวแอบอ้างเป็นข้าราชการครู และมีผู้เสียหายได้ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีในหลายท้องที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ทั้งใน จ.ชุมพร จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังภูมิลำเนาเกิดของ “ครูวา” ในพื้นที่ ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดส่งรายงานให้แก่ผู้บังคับบัญชา
นางพรรณี ตราโต เจ้าของพรรณีเนอร์สเซอรี่ กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา “ครูวา” มาสมัครเข้าทำงาน โดยใช้วุฒิการศึกษา ปวส.จากสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าตนเองเป็นครูสอนนักเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลชื่อดังใน จ.ชุมพร และรับจ้างสอนพิเศษอีกหลายแห่ง ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้ว่า “ครูวา” เป็นสาวประเภทสองแปลงเพศแล้ว เพราะในเอกสารการสมัครระบุคำนำหน้าชื่อว่านาย ตนก็รับไว้เพราะเห็นเป็นคนนอบน้อมน่ารักอัธยาศัยดีพูดจาไพเราะ มอบหมายงานให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กและสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานแก่เด็กๆ ด้วย แต่เป็นการทำงานลักษณะไม่ประจำเพราะเขาอ้างว่ารับจ้างสอนพิเศษ และเป็นติวเตอร์สอนกวดวิชาหลายแห่ง
นางพรรณี กล่าวต่อว่า “ครูวา” ทำงานได้ประมาณ 1 ปี จนกระทั่งเริ่มจับได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นตนรับเงินจากผู้ปกครองแล้วไม่นำมามอบให้ตน แต่เมื่อสอบถามก็ไม่ยอมรับ จากนั้นไม่นาน “ครูวา” เริ่มรู้ตัวก็ได้ชิงออกไปเฉยๆ ไม่มาทำงานอีกเลย เมื่อตนตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อยู่ประมาณ 3 เดือน จนแน่ชัดว่ามีการปลอมลายเซ็นจริงๆ มีความเสียหายราว 2 หมื่นบาท
ตนได้นำหลักฐานไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร ซึ่งยังไม่ดำเนินคดีก็เพราะอยากให้โอกาส “ครูวา” ได้กลับตัวกลับใจ ขณะที่ผู้ปกครองเองก็พร้อมที่จะมาเป็นพยานให้แก่ตน หลังจากนี้ก็จะนำหลักฐานไปมอบให้แก่ทางตำรวจเพิ่มเติม ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอาญานั้นอยู่ระหว่างการปรึกษากับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่อย่างไรบ้าง