ชุมพร - เตือนคนมักง่ายทิ้งขยะริมทางหลวงถูกจับ ศาลจังหวัดหลังสวนพิพากษายึดรถยนต์กระบะของกลาง จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่น ผู้ต้องหารับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
จากกรณีในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งเป็นศูนย์กลางตลาดผลไม้ใหญ่สุดใน 14 จังหวัดภาคใต้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงผลไม้ภาคใต้” โดยมีล้งรับซื้อทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาลของชาวจีนและคนไทยเข้ามาเปิดจุดรับซื้อมากกว่า 300 แห่ง นอกจากนั้น ยังมีแผงรับซื้อรายย่อยอีกจำนวนมากรวมกว่าพันแห่ง โดยเฉพาะผลไม้หลักคือ ทุเรียนตามฤดูกาล และทุเรียนนอกฤดูกาล หรือ “ทุเรียนทะวาย” ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี ได้มีคนมักง่ายนำขยะมูลฝอย โดยเฉพาะเปลือกทุเรียนจำนวนมากไปทิ้งกองพะเนินอยู่ตามถนน ตรอก ซอยในจุดต่างๆ จนกองพะเนินสะสมยาวเหยียดเป็นภูเขามากกว่า 100 ตัน ส่งกลิ่นเหม็นมีหนอนและแมลงวันไต่ตอมไปทั่ว ตามข่าวที่ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ย.) เฟซบุ๊ก “สภาทนายความจังหวัดหลังสวน” ได้โพสต์กรณีตัวอย่าง พร้อมคำพิพากษาศาลจังหวัดหลังสวน เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนมักง่ายที่ชอบทิ้งขยะริมทางหลวงและที่สาธารณะได้ถูกจับกุมดำเนินคดีอาญา โดยศาลจังหวัดหลังสวน พิพากษาจำเลยโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 5 พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนขยะ ศาลสั่งให้ริบรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งคดีดังกล่าวเหตุเกิดขึ้นเวลากลางวัน จำเลยถูกจับกุมขณะได้ขับรถยนต์กระบะนำเปลือกทุเรียนจำนวนครึ่งเข่งและเศษขยะมูลฝอยจำนวน 3 ถุง ไปทิ้งในเขตทางหลวงหมายเลข 4099 ถนนสายเขาม่วง-ปากน้ำหลังสวน หมู่ที่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
โดยเฟซบุ๊กสภาทนายความจังหวัดหลังสวน ระบุว่า “กรณีมีการนำขยะไปทิ้งบริเวณริมทางหลวงซึ่งจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเปลือกทุเรียนบ้าง ขยะมูลฝอยตามบ้านเรือนบ้าง ทำให้เศษขยะมูลฝอยตกลงบนถนน พื้นผิวจาราจร ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 45 ซึ่งบัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล น้ำเสีย น้ำโสโครก เศษหินดินทราย หรือสิ่งอื่นใดในเขตทางหลวง หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นเหตุให้ขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล เศษหิน ดิน ทราย ตกหล่นบนทางจราจรหรือไหล่ทาง หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535
กรณีดังกล่าวได้มีคดีขึ้นสู่ศาลจังหวัดหลังสวน โดยจำเลยนำเปลือกทุเรียนไปทิ้งบริเวณริมถนนทางหลวง และถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 คดีดังกล่าวจำเลยให้การรับสารภาพ ในคดีนั้นศาลจังหวัดหลังสวนพิพากษาลงโทษ จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี และให้ริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ซึ่งของกลางในคดีนี้คือรถยนต์ที่ขนเปลือกทุเรียนไปทิ้งนั่นเอง โดยรถยนต์คันดังกล่าวเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้หรือมีไว้ในการกระทำความผิด บางครั้งความมักง่ายก็อาจสร้างความเสียหายมากกว่าที่เราคาดคิดไว้ก็ได้ครับ”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทนายความประจำสำนักงานสภาทนายความหลังสวนคนหนึ่งบอกว่า เพื่อเป็นอุทาหรณ์และคดีตัวอย่างแก่ผู้ที่นำขยะไปทิ้งในที่สาธารณะหรือริมทางหลวง หากถูกจับกุมจะมีโทษทั้งทางอาญาและทางเพ่ง ที่สำคัญรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนขยะไปทิ้งศาลมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย