ชุมพร - ผู้การชุมพรสอบเครียด “กำนันไข่” เศรษฐีสวนทุเรียนยิงล้างครัว 3 ศพ อ้าง 2 แม่ลูกรวมหัวสร้างตัวละครอยู่ต่างประเทศหลอกยืมเงินกว่า 10 ล้าน แล้วเบี้ยวไม่จ่าย พบพฤติกรรมโหดเหี้ยมดำเนินคดี 3 ข้อหาหนัก

จากเหตุการณ์ “กำนันไข่” หรือนายสุนันท์ รามดร อายุ 65 ปี อดีตกำนันตำบลขุนกระทิง บุกทวงหนี้กว่า 10 ล้าน ที่บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 7 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร แล้วเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงแล้วใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงไม่ยั้งจน นางจินดา พรหมทอง อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน และนางพรทิพย์ ทองพรหม อายุ 38 ปี 2 แม่ลูก จนตายคาที่บริเวณโต๊ะรับแขกหน้าบ้าน แล้วยังบุกเข้าไปในบ้านจ่อยิง ด.ญ.นัยปพร ภูวิชิต อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ลูกสาวของนางพรทิพย์ ขณะนั่งกินข้าวอยู่ในครัว ตายอย่างอนาถคาจานข้าว ส่วนพี่สาวอายุ 15 ปี และน้องชายอายุ 12 ปี ซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันวิ่งหลบหนีออกประตูหลังบ้านได้ทันและยังถูกผู้ตายยิงไล่หลังแต่ไม่ถูกทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (10 พ.ย.) พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร เดินทางมาที่ สภ.เมืองชุมพร ได้นำตัว “กำนันไข่” หรือนายสุนันท์ รามดร อดีตกำนันตำบลขุนกระทิง ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด ร่วมกับ พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร
นายสุนันท์ “กำนันไข่” ให้การว่า ตนกับนางจินดา เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันเหมือนญาติ ช่วงแรกๆ เคยมาหยิบยืมเงินครั้งละแสนสองแสน ไปลงทุนทำสวนทุเรียน ตนก็ให้ไปไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเมื่อปี 2557 นางจินดา และนางพรทิพย์ สองแม่ลูกได้มาอ้างชื่อบุคคลที่ 3 ชื่อว่า “นางกนกวรรณ” หรือนก ได้สามีอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามีชาวต่างชาติได้เสียชีวิตลง จึงต้องการจะขายมรดกที่ดินมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินกลับมาทำธุรกิจในประเทศไทย
แต่เงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขายที่ดินไม่พอจึงขอยืมตนเพื่อนำไปให้กับ นางกนกวรรณ ก่อน โดยมีการโทรศัพท์โอนสายให้ตนพูดคุยกับนางกนกวรรณ ด้วย ตนเห็นว่าเขาจะขายที่ดินนำเงินกลับมาทำธุรกิจที่ประเทศไทยโดยครั้งแรกตนให้ยืม 2 แสนบาท จ่ายเงินสดผ่านให้แก่นางจินดา โดยไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ยืมแต่อย่างใดเพราะเชื่อใจกัน จนกระทั่งครั้งต่อๆ มา ทั้งสองแม่ลูกก็ยังมาอ้างปัญหาต่างๆ และยังให้นางกนกวรรณ โทร.มาพูดคุยด้วยเกี่ยวกับความจำเป็นเรื่องที่ดินในต่างประเทศที่ยังขายไม่ได้ และขอยืมเงินตนเรื่อยมา
กำนันไข่ กล่าวต่อว่า ตนมีอาชีพทำสวนทุเรียนกว่า 30 ไร่ ขายผลผลิตได้ปีละ 3-4 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปี ทั้งสองแม่ลูกใช้วิธีพูดจาหว่านล้อมตนและยังอ้างตัวละครที่ ชื่อนางกนกวรรณ หรือนก ให้โทร.มาอ้อนวอนตนเกี่ยวกับขอยืมเงินอ้างปัญหาสารพัด ซึ่งตนเป็นคนขี้สงสารก็ให้ยืมครั้งละ 1 แสนบ้าง 2 แสนบ้าง เมื่อนับรวมแล้วประมาณ 13 ล้านบาท ที่ตนต้องให้ยืมมาตลอดก็เพราะหวังว่าเขาจะขายที่ดินในต่างประเทศได้ เงินที่ยืมไปก็จะได้กลับคืนมาด้วย ระยะหลังตนมีปัญหาหนี้สินที่ไปกู้ยืมเพื่อนมา และได้เอาโฉนดไปค้ำเงินกู้ไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งกว่า 3 ล้านบาท
กำนันไข่ กล่าวต่อว่า ระยะหลังตนเริ่มสงสัยและรู้สึกแปลกใจว่าทุกครั้งที่ตนขายทุเรียนได้ครั้งละ 3-4 ล้านบาท ทำไมคนชื่อนางกนกวรรณ ซึ่งอยู่ต่างประเทศจึงรู้ และได้โทร.มาอ้อนวอนขอยืมเงินตนตลอด ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักมาก่อนและตนก็ใจอ่อนให้ยืม โดยนำเงินสดไปมอบให้กับนางจินดา เพื่อโอนไปให้ทุกครั้ง จึงมาคิดว่าตนคงถูกหลอก และนางกนกวรรณ ก็น่าจะไม่ได้มีสามีอยู่ต่างประเทศแน่นอน จึงไปทวงหนี้กับนางจินดา อยู่หลายครั้งแต่ถูกบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานาเรื่อยมา จนกระทั่ง 2 วันก่อนเกิดเหตุ นางจินดา บอกว่า นางกนกวรรณ จะโอนเงินทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาทมาให้นางจินดา เพื่อคืนให้แก่ตน แต่ก็ไม่มีการโอนมาให้แต่อย่างใด จนกระทั่งวันเกิดเหตุตนบุกไปทวงถึงบ้านแล้วเกิดมีปากเสียงกันแถมยังถูกด่า ว่า “อยากโง่เองไปให้เขายืมทำไมและถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา” ตนโมโหสุดขีดจึงชักปืนยิงออกมายิงไม่ยั้งโดยไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กเพราะความรู้สึกตอนนั้นอะไรขวางหน้ายิงหมด หลังเกิดเหตุได้สติจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองชุมพร ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุยิงกันตายในครั้งนี้มาจากมูลหนี้ประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนพฤติกรรมตามที่ผู้ต้องหาอ้างในลักษณะดังกล่าวจะมีการกู้ยืมเงินกันจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงกันอย่างไรก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยู่ที่ญาติของผู้ต้องหาจะไปดำเนินการเอง อย่างไรตาม ต้องรอสอบปากคำทางพยานและญาติของฝ่ายผู้ตายด้วย
ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างโศกเศร้าและทำพิธีศพ แต่กรณีที่ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงผู้อื่นตายถือว่าพฤตกรรมโหดเหี้ยมเป็นความผิดทางอาญา ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ “กำนันไข่” ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น พกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีเหตุอันควร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากเหตุการณ์ “กำนันไข่” หรือนายสุนันท์ รามดร อายุ 65 ปี อดีตกำนันตำบลขุนกระทิง บุกทวงหนี้กว่า 10 ล้าน ที่บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 7 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร แล้วเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงแล้วใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงไม่ยั้งจน นางจินดา พรหมทอง อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน และนางพรทิพย์ ทองพรหม อายุ 38 ปี 2 แม่ลูก จนตายคาที่บริเวณโต๊ะรับแขกหน้าบ้าน แล้วยังบุกเข้าไปในบ้านจ่อยิง ด.ญ.นัยปพร ภูวิชิต อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ลูกสาวของนางพรทิพย์ ขณะนั่งกินข้าวอยู่ในครัว ตายอย่างอนาถคาจานข้าว ส่วนพี่สาวอายุ 15 ปี และน้องชายอายุ 12 ปี ซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันวิ่งหลบหนีออกประตูหลังบ้านได้ทันและยังถูกผู้ตายยิงไล่หลังแต่ไม่ถูกทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (10 พ.ย.) พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร เดินทางมาที่ สภ.เมืองชุมพร ได้นำตัว “กำนันไข่” หรือนายสุนันท์ รามดร อดีตกำนันตำบลขุนกระทิง ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด ร่วมกับ พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร
นายสุนันท์ “กำนันไข่” ให้การว่า ตนกับนางจินดา เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันเหมือนญาติ ช่วงแรกๆ เคยมาหยิบยืมเงินครั้งละแสนสองแสน ไปลงทุนทำสวนทุเรียน ตนก็ให้ไปไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเมื่อปี 2557 นางจินดา และนางพรทิพย์ สองแม่ลูกได้มาอ้างชื่อบุคคลที่ 3 ชื่อว่า “นางกนกวรรณ” หรือนก ได้สามีอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามีชาวต่างชาติได้เสียชีวิตลง จึงต้องการจะขายมรดกที่ดินมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินกลับมาทำธุรกิจในประเทศไทย
แต่เงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขายที่ดินไม่พอจึงขอยืมตนเพื่อนำไปให้กับ นางกนกวรรณ ก่อน โดยมีการโทรศัพท์โอนสายให้ตนพูดคุยกับนางกนกวรรณ ด้วย ตนเห็นว่าเขาจะขายที่ดินนำเงินกลับมาทำธุรกิจที่ประเทศไทยโดยครั้งแรกตนให้ยืม 2 แสนบาท จ่ายเงินสดผ่านให้แก่นางจินดา โดยไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ยืมแต่อย่างใดเพราะเชื่อใจกัน จนกระทั่งครั้งต่อๆ มา ทั้งสองแม่ลูกก็ยังมาอ้างปัญหาต่างๆ และยังให้นางกนกวรรณ โทร.มาพูดคุยด้วยเกี่ยวกับความจำเป็นเรื่องที่ดินในต่างประเทศที่ยังขายไม่ได้ และขอยืมเงินตนเรื่อยมา
กำนันไข่ กล่าวต่อว่า ตนมีอาชีพทำสวนทุเรียนกว่า 30 ไร่ ขายผลผลิตได้ปีละ 3-4 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปี ทั้งสองแม่ลูกใช้วิธีพูดจาหว่านล้อมตนและยังอ้างตัวละครที่ ชื่อนางกนกวรรณ หรือนก ให้โทร.มาอ้อนวอนตนเกี่ยวกับขอยืมเงินอ้างปัญหาสารพัด ซึ่งตนเป็นคนขี้สงสารก็ให้ยืมครั้งละ 1 แสนบ้าง 2 แสนบ้าง เมื่อนับรวมแล้วประมาณ 13 ล้านบาท ที่ตนต้องให้ยืมมาตลอดก็เพราะหวังว่าเขาจะขายที่ดินในต่างประเทศได้ เงินที่ยืมไปก็จะได้กลับคืนมาด้วย ระยะหลังตนมีปัญหาหนี้สินที่ไปกู้ยืมเพื่อนมา และได้เอาโฉนดไปค้ำเงินกู้ไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งกว่า 3 ล้านบาท
กำนันไข่ กล่าวต่อว่า ระยะหลังตนเริ่มสงสัยและรู้สึกแปลกใจว่าทุกครั้งที่ตนขายทุเรียนได้ครั้งละ 3-4 ล้านบาท ทำไมคนชื่อนางกนกวรรณ ซึ่งอยู่ต่างประเทศจึงรู้ และได้โทร.มาอ้อนวอนขอยืมเงินตนตลอด ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักมาก่อนและตนก็ใจอ่อนให้ยืม โดยนำเงินสดไปมอบให้กับนางจินดา เพื่อโอนไปให้ทุกครั้ง จึงมาคิดว่าตนคงถูกหลอก และนางกนกวรรณ ก็น่าจะไม่ได้มีสามีอยู่ต่างประเทศแน่นอน จึงไปทวงหนี้กับนางจินดา อยู่หลายครั้งแต่ถูกบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานาเรื่อยมา จนกระทั่ง 2 วันก่อนเกิดเหตุ นางจินดา บอกว่า นางกนกวรรณ จะโอนเงินทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาทมาให้นางจินดา เพื่อคืนให้แก่ตน แต่ก็ไม่มีการโอนมาให้แต่อย่างใด จนกระทั่งวันเกิดเหตุตนบุกไปทวงถึงบ้านแล้วเกิดมีปากเสียงกันแถมยังถูกด่า ว่า “อยากโง่เองไปให้เขายืมทำไมและถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา” ตนโมโหสุดขีดจึงชักปืนยิงออกมายิงไม่ยั้งโดยไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กเพราะความรู้สึกตอนนั้นอะไรขวางหน้ายิงหมด หลังเกิดเหตุได้สติจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองชุมพร ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุยิงกันตายในครั้งนี้มาจากมูลหนี้ประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนพฤติกรรมตามที่ผู้ต้องหาอ้างในลักษณะดังกล่าวจะมีการกู้ยืมเงินกันจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงกันอย่างไรก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยู่ที่ญาติของผู้ต้องหาจะไปดำเนินการเอง อย่างไรตาม ต้องรอสอบปากคำทางพยานและญาติของฝ่ายผู้ตายด้วย
ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างโศกเศร้าและทำพิธีศพ แต่กรณีที่ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงผู้อื่นตายถือว่าพฤตกรรมโหดเหี้ยมเป็นความผิดทางอาญา ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ “กำนันไข่” ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น พกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีเหตุอันควร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป