xs
xsm
sm
md
lg

หากินง่าย! วงจรปิดแฉกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น จนท.บุกขู่ยัดคดีรีดเงินเจ้าของร้านยางรถยนต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
นครศรีธรรมราช - วงจรปิดแฉกลุ่มชายฉกรรจ์บุกร้านยางรถยนต์อ้างตัวเป็น จนท.ขู่ยัดคดีรีดเงิน 2 หมื่นบาท เจ้าของร้านผวากลัวตาย ภรรยาต้องไปจำนำทองเพื่อนำเงินมาให้ ตำรวจตรวจสอบพร้อมเร่งล่าตัว

วันนี้ (7 พ.ย.) 2 สามีภรรยาเจ้าของร้านโอ๋เรซซิ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 298 ถนนเทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า ได้ถูกชายฉกรรจ์อย่างน้อย 5 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรภาค 8 ป.ป.ส. หน่วยปราบปรามการโจรกรรมรถ เข้าข่มขู่จะยัดคดีและเรียกเงิน จำนวน 2 หมื่นบาทเพื่อให้จบเรื่อง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน

เมื่อเข้าตรวจสอบ พบว่า ร้านดังกล่าวเป็นร้านจำหน่ายยางรถยนต์ ล้อแม็กซ์ และตั้งศูนย์ถ่วงล้อ บริเวณริมถนนเทวบุรี โดยมี นายภานุวัชร เถาจู อายุ 35 ปี และ น.ส.ซินดี้ กาญจสดุ้ง อายุ 25 ปี 2 สามีภรรยาเป็นเจ้าของร้าน ได้เปิดภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (6 พ.ย.) พบว่ามีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ใช้รถยนต์โตโยต้า ซีเอชอาร์ สภาพใหม่ป้ายแดงเข้ามาจอดในร้าน จากนั้นได้ลงจากรถตรงเข้าไปในร้านทันที ส่วนนอกร้านพบว่า มีรถยนต์กระบะอีซูซุ สีขาว ไม่ติดแผนป้ายทะเบียนจอดคุมเชิง
 


 
หลังจากนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวไม่เหมือนกัน บ้างอ้างว่าเป็นตำรวจภาค 8 เป็น ป.ป.ส. และอีกคนอ้างว่าเป็นตำรวจปราบปรามการโจรกรรมรถ ทุกคนไม่ได้แสดงหมายค้นหรือบัตรประจำตัวใดๆ และได้เข้าข่มขู่ นายภานุวัชร อ้างว่ามีรถที่โจรกรรมเข้ามาอยู่ที่นี่ และเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถ รวมทั้งมีการบังคับให้ตรวจปัสสาวะหาสารสารเสพติด พร้อมทั้งข่มขู่ว่าหากไม่ต้องการให้ดำเนินคดีให้จ่ายเงิน จำนวน 2 หมื่นบาทเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด ส่วนโทรศัพท์ของตนเองถูกยึดทั้งหมดไม่ให้มีการติดต่อใคร

นายภานุวัชร เถาจู เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของชายทั้งหมดพยายามข่มขู่อย่างต่อเนื่อง และค่อนข้างสับสนอยู่ในตัวเอง หลังจากที่บังคับให้ติดต่อรถยนต์ลูกค้าให้แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั้นได้กล่าวหาว่าตนเองไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโจรกรรมรถยนต์ จนมาถึงเรื่องการตรวจปัสสาวะ ชายเสื้อยืดสีแดงเป็นผู้ตรวจซึ่งได้ยอมตรวจเพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอยู่แล้ว ก่อนที่จะข่มขู่ว่า “หากมึงไม่อยากโดนคดีจ่าย 2 หมื่นจบทุกเรื่อง” ตนเองจึงได้ให้ภรรยานำสร้อยคอทองคำไปจำนำเนื่องจากไม่มีเงินสดติดตัว นอกจากนั้นยังพบว่ามีการขโมยเอาพระเครื่องที่ตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานไปอีก 1 องค์ด้วย

ขณะที่ น.ส.ซินดี้ กาญจนสดุ้ง ภรรยาเปิดเผยว่า ต้องขับรถนำสร้อยทองไปจำนำได้เงินมา 18,000 บาท หลังจากนั้นได้เอามาให้กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ด้วยความกลัว ซึ่งในภาพวงจรปิดจะเห็นชัดตอนที่ตนเองได้ถือเงินสดในมือ จากนั้นชายฉกรรจ์ชุดดำได้สั่งให้เดินตามไปที่รถขึ้นรถของพวกเขา โดยขึ้นนั่งคนละด้านกัน ส่วนเมื่อเข้าไปในรถแล้วชายคนนั้นได้สั่งให้เอาเงินใส่ในช่องหลังเบาะ แต่ก็ยังถูกขู่ว่าเงิน 18,000 บาทไม่พอให้ไปหามาเพิ่ม เพราะต้องแบ่งกัน 7 คนมากัน 2 คัน แต่ได้ยืนยันว่ามีแค่นี้ ท้ายที่สุดกลุ่มชายทั้งหมดได้เดินทางกลับไปหลังจากได้เงินแล้ว
 


 
ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ทั้งสามีภรรยาได้นำเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้เรียกฝ่ายสืบสวนมาตรวจสอบภาพ ไม่ปรากฏว่ามีใครรู้จักหรือคุ้นหน้าชายในภาพ แต่ 1 ในจำนวนนั้นได้สวมเสื้อมีข้อความด้านหลังว่า “ชป.ปส.ทภ.4/กอ.รมน.ภาค4” ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริงหรือไม่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทรงผมของชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ผิดแปลกจากข้าราชการทหารตำรวจทั่วไป ที่จะต้องตัดผมทรงเกรียนตามระเบียบ

ขณะที่ นายภานุวัชร แจ้งว่า ขณะนี้อยู่ในสภาพหวาดกลัวมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับครอบครัวขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ ประสงค์ต่อทรัพย์หรือเจตนาเป็นอย่างอื่น

พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานติดตามตรวจสอบบุคคลในภาพ ซึ่งจะให้พนักงานสอบสวนรับดำเนินการสอบสวนผู้เสียหายไปตามขั้นตอน เพื่อเข้าสู่การขอหมายจับและจะแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะแก่ฝ่ายผู้เสียหาย
 












กำลังโหลดความคิดเห็น