โดย...เมธี เมืองแก้ว
หากใครต้องการท่องเที่ยวยังสถานที่ธรรมชาติ และอยู่ใกล้ตัวเมืองตรัง “ถ้ำเขาช้างหาย” ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง น่าจะเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถเดินทางไปถึงได้ในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะแค่ขับรถออกจากตัวอำเภอเมือง ไปตามถนนสายตรัง-นาโยง ก็จะมองเห็นภูเขา จำนวน 2 ลูก ตั้งตระหง่านอยู่กลางท้องนา ระหว่างกิโลเมตรที่ 4-5 บนถนนสายนาโยงเหนือ-บ้านควนสวรรค์ หมู่ที่ 5-6 หรือสุดฝั่งตะวันตกของ ต.นาหมื่นศรี และสุดฝั่งตะวันออกของ ต.นาพละ
บริเวณถ้ำแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ สูงจากพื้นดิน 150 เมตร และยาว 850 เมตร ประกอบด้วย 6 ถ้ำใหญ่ๆ ได้แก่ ช้างหาย เพกา ทรายทอง โอ่ง ลม และแม่เฒ่าคล้าย ซึ่งทั้งหมดมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ตามลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละแห่ง โดยทางทิศใต้ และทิศตะวันตกจะมี “คลองน้ำเจ็ด” ไหลผ่าน สำหรับทิศเหนือจะมี “ห้วยน้ำใส” ไหลไปบรรจบกับทิศตะวันตก และส่วนหนึ่งของน้ำที่ไหลผ่านใต้ภูเขา เรียกกันว่า “ถ้ำน้ำ” ซึ่งนอกจากจะมีเนื้อที่หลายไร่แล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาของ ต.นาหมื่นศรี อีกด้วย
สมัยก่อนยุคที่เมืองนครศรีธรรมราช กำลังรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา เจ้าเมืองจึงได้คิดสร้าง “พระเจดีย์” ขึ้น และได้ประกาศไปตามหัวเมืองต่างๆ ให้นำทรัพย์สมบัติ หรือของมีค่ามาบรรจุไว้ เมื่อเรื่องได้ทราบถึงหัวเมืองทางใต้ กลุ่มนักแสวงบุญจึงได้นำทรัพย์สมบัติไปยังเมืองนครศรีธรรมราช แต่ได้มาหยุดพักขบวนอยู่ที่ในพื้นที่หมู่ 5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง เนื่องจากได้มีช้างเชือกหนึ่งคลอดลูกออกมาระหว่างทาง ซึ่งต่อมาได้มีการเรียกหนองน้ำดังกล่าวว่า “หนองช้างหยก”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเดินทางก็พบเห็นหนองน้ำอีกแห่งหนึ่ง และลูกช้างก็ได้ลงไปเล่นน้ำ ต่อมาจึงได้เรียกกันว่า “หนองถวายน้ำ” หรือ “หนองหวายน้ำ” ในภาษาถิ่นใต้ ต่อจากนั้น ขบวนก็เดินทางต่อไปจนถึงชายเขา จึงหยุดให้ช้างได้กินหญ้า และใบไม้ ส่วนลูกช้างที่เพิ่งคลอดไม่นานได้วิ่งซุกซนเดินหายเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งอย่างอภินิหาร เมื่อควาญช้างเห็นเข้าจึงรีบจัดการทำคบไฟ แล้วเข้าไปตามหา ก่อนที่จะใช้คาถาอาคม และใช้ด้ายแดงขาวเพียง 3 เส้น จับลูกช้างเชือกนั้นออกมาได้สำเร็จ
จากนั้นกลุ่มนักแสวงบุญก็เดินทางต่อไปจนถึงทุ่งนาทางตะวันตก และเมื่อกลุ่มชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่เห็นลูกช้างเชือกดังกล่าว ถูกจูงด้วยด้ายแดงขาว 3 เส้น ต่างก็ตะโกนกันเป็นเสียงเดียวดังลั่นว่า “ช้างจะขาด ช้างจะขาด” จนทำให้คาถาเสื่อมลง ก่อนที่ลูกช้างจะหันหลังกลับ แล้ววิ่งหนีไปจากขบวน เมื่อควาญช้างเห็นเข้าจึงจับหางได้แล้วฟันจนขาด ซึ่งต่อมาหางดังกล่าวได้กลายเป็นทองคำ ทำให้ลูกช้างตกใจวิ่งหายเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง และไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำเขาช้างหาย”
เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้ว สิ่งแรกที่จะพบเห็นก็คือ “หินงอกหินย้อย” ที่มีทั้งขนาดใหญ่เล็กจำนวนมากมายตาม 2 ทางเดิน และบางช่วงก็แคบมาก ถึงขนาดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมุดกันเข้าไปเลย เพราะกว้างแค่ 50 เซนติเมตร และสูงแค่ 60 เซนติเมตรเท่านั้น แต่บางช่วงของถ้ำก็สุดแสนจะกว้างใหญ่ดั่งห้องประชุมของโรงแรมชื่อดังเลยทีเดียว โดยภายในยังมีถ้ำต่างๆ อีกมากมาย เช่น “ถ้ำช้าง ถ้ำเพชร ถ้ำลอด” จึงทำให้ “ถ้ำเขาช้างหาย” กลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ควรจะรับไว้พิจารณา
