xs
xsm
sm
md
lg

“วันนอร์” ย้ำประชาชาติคือพรรคการเมืองของประชาชน ในงานครบรอบ 1 ปีวันสถาปนาพรรค

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ปัตตานี - “วันนอร์” หัวหน้าพรรคประชาชาติ เน้นย้ำพรรคประชาชาติ คือ พรรคการเมืองของประชาชน และพร้อมต่อสู้เพื่อประชาชน ในงานครบรอบ 1 ปีวันสถาปนาพรรคประชาชาติ

วันนี้ (31 ต.ค.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทาหัวหน้าพรรคประชาชาติเปิดงานครบรอบ 1 ปีวันสถาปนาพรรคประชาชาติ โดยมี สส.พรรค ผู้บริหาร กรรมการพรรค และสมาชิกพรรคกว่า 1 พันคนมาเข้าร่วม พร้อมทั้งระบุว่า พรรคประชาชาติรักประชาธิปไตย เคารพกติกา และประสงค์ที่จะอยู่ร่วมกันแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเชื่อว่าประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งสันติ มีผู้นำทางการเมืองที่มีจิตสำนึกและเข้าใจวัฒนธรรมของความเป็นประชาธิปไตย และต้องไม่คิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของคนเพียงคนเดียว หรือ กลุ่มเดียว หรือ คิดเพียงแค่ประชาชนเป็นลูกจ้างและผู้พลอยอาศัย อีกทั้งทำทุกอย่างตามอำเภอใจและไม่แยแสต่อความรู้สึกของผู้อื่น

นอกจากนี้ พวกอำนาจนิยมเผด็จการมักจะไม่ยอมรับรู้ระบบการปรึกษา การพึ่งพา การแบ่งปัน เพราะผู้นำลักษณะนี้จะเชื่อว่าวิถีชีวิตจริงต้องอยู่ภายใต้คำสั่งหรืออำนาจของตนตลอดเวลา พร้อมกันนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังย้ำให้ผู้บริหารและสมาชิกภูมิใจความเป็น “ประชาชาติ” และบุคคลที่ประชาชนเลือก หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประชาชาติ ต้องกล้าหาญที่จะสะท้อนปัญหา หรือ สาระทุกข์สุขดิบของประชาชน มีความองอาจที่จะตรวจสอบรัฐบาลตามภารกิจหน้าที่และต้องคิดถึงประชาชนเป็นสำคัญ

พรรคประชาชาติ เป็นพรรคที่ประกอบด้วยสมาชิกต่างชาติพันธุ์ หลากหลายวัฒนธรรมแต่เรามีอุดมการณ์ร่วมกัน คือ การเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์และเชื่อว่าทุกคนมีค่ามีความหมายมีความดีงาม ตลอดจนมีความปรารถนาดีที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจกัน เห็นคุณค่าของความแตกต่าง มีการแบ่งปันพึ่งพาและพร้อมที่จะร่วมกันสร้างสังคมสันติสุข

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังได้ยกตัวอย่างปรากฏการณ์ที่หดหู่ไว้ 3 ประการ ประกอบด้วยประการที่หนึ่ง พรรคการเมืองก่อนวันเลือกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และฝ่ายที่มีนโยบายเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลังเลือกตั้งมีพรรคการเมืองจำนวนหนึ่งที่เคยปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และได้รับการเลือกตั้งเป็นกอบเป็นกำได้ลงมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่แถลงเหตุผลต่อประชาชน และปรากฏการณ์นี้ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไร้สัจจะและบกพร่องทางจริยธรรม สร้างความคับข้องใจและสับสนให้แก่ประชาชน
 

 
ประการที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 และได้รับโปรดเกล้าเป็นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่เลือกที่จะหยิบและอ่านข้อความที่เขียนใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองมาอ่านและเป็นข้อความที่ไม่เหมือน หรือ แตกต่างจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีคนทักท้วงกลับไม่แยแส ไม่สนใจ หรือ ไม่ตอบข้อสงสัยและการประพฤติตนของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ถือว่าเป็นประชาธิปไตยนอกรัฐธรรมนูญ เพราะผู้นำไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ประการที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำที่มีลักษณะปกปิดซ่อนเร้นเลื่อนลอย เช่น ไม่มีความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและยังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่แสดงที่มาของงบประมาณตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญและขัดสาระสำคัญ มักแสดงอารมณ์เพื่อกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนประเด็น เลี่ยงความจริง และปรากฏการณ์เช่นนี้สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าประชาธิปไตยมืดคล้ำจริยธรรมอำพราง

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังกล่าวด้วยว่า ได้มีเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นแล้ว กล่าวคือเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมพบพี่น้องประชาชน ณ จังหวัดปัตตานี และในที่สุดได้มีทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของ กอ.รมน.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี พร้อมทั้งกล่าวหาว่าการปราศรัยบนเวทีในวันที่ 28 กันยายน 2562 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งหมายถึงการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ กระด้างกระเดื่องเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ

และความผิดนี้ท้ายที่สุดอาจจะต้องติดคุก หรือประหารชีวิต หรือ จะเป็นประการใดไม่มีใครรู้ และพรรคประชาชาติไม่ต้องการให้เหตุการณ์ข้างต้นจบ หรือ ลงเอยเหมือนกับ “ท่านหะยีสุหลง” นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวปัตตานี ที่ถูกข้อหากล่าวหาว่าเป็นกบฏจากการที่เรียกร้องความเสมอภาค เสรีภาพทางศาสนาและการศึกษา อีกทั้ง ถูกเรียกไปชี้แจงและหายสาบสูญไปพร้อมกับผู้ติดตามเป็นเวลา 60 ปีแล้ว แต่ยังหาศพไม่พบ

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ทำให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านตกใจกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับฝ่ายเผด็จการ เพราะได้สร้างให้เกิดความหวาดกลัวจากการแจ้งความอันเป็นเท็จ แต่อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้าน 7 พรรคก็มีจุดยืน พร้อมทั้งได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐฐานแจ้งความเท็จไว้ด้วย

และในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้าน นาย วันมูหะหมัดนอร์ มะทา ได้กล่าวว่ารู้สึกอับอายที่เพื่อนฝ่ายประชาธิปไตยไปเยี่ยมบ้าน ไปพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย เรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ได้รับข้อหา หรือ คดีกลับบ้านไปเป็นของฝาก ทดแทนการกลับไปและไปบอกกับเพื่อนๆ และครอบครัวว่า สามจังหวัดใต้น่าอยู่ คนน่ารักและน่าไปเที่ยว แต่การกระทำข้างต้นทำให้คนภูมิภาคอื่นๆ เข้าใจว่าพื้นที่สามจังหวัดเป็นพื้นที่น่าเป็นห่วง หรือ เป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นเขตของการค้าความขัดแย้ง คนภายนอกห้ามไปเยี่ยมเยือน
 

 
หรืออาจจะหมายรวมถึงว่า พวกประชาธิปไตยห้ามเข้าสามจังหวัด เพราะกลายเป็นพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกและถูกปกครองเป็นพิเศษ มีการใช้กฎหมายหลายฉบับที่ไม่ใช้ในพื้นที่อื่นของประเทศและการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกดหัวประชาชนและหลายคนถูกกล่าวหาว่าเป็น 'พวกแบ่งแยกดินแดน' ซึ่งเป็นวาทกรรมของคนที่ชอบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น และการใช้กฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรมและเงื่อนไขพิเศษที่ปฏิบัติต่อประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ ถือเป็นการแยกพื้นที่ของสามจังหวัดภาคใต้ออกจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ

อนึ่ง เรามีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีกฎหมาย มีศาล มีสภาไว้อ้างความชอบธรรม แต่ในทางปฏิบัติ เรามีบรรยากาศทางการเมืองที่มีลักษณะเป็นแบบเผด็จการ ข้อบัญญัติทั้งหลายมีไว้บังคับประชาชนบางจำพวกบางกลุ่มที่ไม่ใช่ฝ่ายตน แต่หากเป็นฝ่ายตนจะใช้สิทธิ์เหนือระเบียบ หรือ กติกาซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 ที่ระบุไว้ว่า 'ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองประชาชนชาวไทยย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน' 

การที่มีผู้พิพากษาจังหวัดยะลารายหนึ่งยิงตัวเองหน้าบัลลังก์ศาล เพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมที่ถูกแทรกแซงคำวินิจฉัย เป็นเหตุการณ์หนึ่งบ่งบอกถึงความดำมืดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องได้รับการแก้ไข

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังได้ระบุว่า พรรคประชาชาติยังได้เสนอนโยบายเพื่อสร้างสรรค์ หรือ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมกับยกตัวอย่างข้อเสนอซึ่งถือว่าเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญสำคัญไว้รวม 5 ประการ อาทิ การขุดคลองไทยเชื่อมทะเลอันดามันกับอ่าวไทย การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ และในเบื้องต้นได้ให้ความสำคัญหรือเน้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นวาระเร่งด่วน การกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่นทุกระดับ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและทันสมัย การเยียวยาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้เท่าเทียมกับประชาชนในภูมิภาคอื่น เป็นต้นเพื่อแก้ปัญหาของชาติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นอกจากนี้ พรรคประชาชาติยัังไม่เห็นด้วยกับมาตรการแก้ไขเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล เช่น โครงการชิมช้อปใช้ เพราะไม่ได้แก้ปัญหาให้ถูกจุด

อนึ่ง พรรคประชาชาติ เป็นพรรคการเมือง ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ พรรคประชาชาติจะให้การสนับสนุน แต่สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ พรรคประชาชาติและพรรคฝ่ายค้านในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชนก็ต้องตั้งข้อสังเกตหรือ คัดค้านและต้องกระตุกหรือกระตุ้นให้รัฐบาลกระทำให้เป็นไปอย่างถูกต้อง 

“และการเป็นฝ่ายค้านมิได้หมายความว่าเป็น 'ผู้แพ้' แต่เรามีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อประชาชนและต้องเคารพกฎกติกา เคารพคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า เรา (พรรคฝ่ายค้าน) จะดำเนินการทางการเมืองโดยไม่สนับสนุนพวกสืบทอดอำนาจ และพร้อมที่จะทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ตามอุดมการณ์และจุดยืนของพรรคการฝ่ายประชาธิปไตยและพรรคประชาชาติ” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทากล่าวในที่สุด
 


กำลังโหลดความคิดเห็น