.
โดย… ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
.
จากวันที่ 4 ต.ค.2562 ที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังมีหลายคนคิดว่า “คณากร เพียรชนะ” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา จัดฉากยิงตัวเอง โดยมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง?!
หลายคนเหล่านั้นตั้งข้อสงสัยว่า คนจะฆ่าตัวตาย “ทำไมไม่ยิงกรอกปาก” หรือ “จ่อขมับ” ให้จบๆ ไป ทำไมต้องยิงที่ใต้ราวนม แล้วไฉนกระสุนปืนจึงไปโดนม้าม ซึ่งอยู่ห่างกับจุดที่ยิง บางคนถึงกับบอกว่านายคณากร ใช้กระสุนปลอม จึงยิงตัวเองแล้วไม่ตาย?!
ข้อสงสัยเหล่านี้แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ให้ข้อเท็จจริงว่า การยิงที่จุดไหนของร่างกายหากทำให้เสียเลือดจำนวนมากแล้ว จะยิงที่ไหนๆ ก็ตายได้เช่นกัน บางครั้งเสียเลือดมากแค่ภายใน 30 วินาทีก็ตายได้
หรือเรื่องจุดที่ยิงก็เช่นกัน นพ.บรรยง เหล่าเจริญสุข ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ระบุชัดเจนว่า มีรอยกระสุนที่ทรวงอกด้านซ้าย กระสุนทะลุออกทางแผ่นหลังด้านซ้าย กระสุนปืนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนขนาด 9 มม. และน่าจะเป็นกระสุนจริง ซึ่งก็สอดคล้องต่อการบอกกล่าวของตำรวจ สภ.เมืองยะลา ที่ยืนยันว่า กระสุนที่นายคณากร ใช้ยิงตัวเองเป็นกระสุนจริง
แต่คนที่เชื่อว่า นายคณากร จัดฉากยิงตัวเอง พวกเขาก็ยังคงความเชื่อนี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย!!
วันที่ 15 ต.ค.2562 หลังจากพักรักษาตัวมาราว 11 วัน นายคณากรได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน โดย ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ยะลากล่าวถึงอาการของนายคณากร ว่า เกือบหายเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีอาการเล็กน้อย จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนสภาพจิตใจนั้น เบื้องต้นพบว่าอาการทางจิตเป็นปกติดี
เมื่อข่าวกระจายออกไปผู้คนที่ไม่เชื่อว่านายคณากร ตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริงๆ ต่างแสดงความคิดเห็นออกมาในทำนองเดียวกันว่า ทำไมคนที่ตั้งใจยิงตัวตายได้ไม่กี่วันก็ได้ออกจากห้องไอซียู แล้วพักฟื้นต่ออีกไม่กี่วันก็ได้ออกจากโรงพยาบาล แถมเดินออกจากโรงพยาบาลแบบสบายๆ ตัวปลิวกลับบ้านเลย
ภายหลังออกจากโรงพยาบาล นายคณากรก็ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามสื่อมวลชน อีกทั้งก็แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ปรากฏออกมาสู่สาธารณชน!!
ส่วนเรื่องที่หลายคนเชื่อว่า การยิงตัวเองของนายคณากรมีเบื้องหลังเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้กล่าวตอบคำถามของผู้เข้าฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ” เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2562 ที่ถูกถามว่า…
มีการส่งข้อความ 25 หน้าให้นายปิยบุตร จริงหรือไม่ หากจริงให้นำมาเปิดเผย อย่าพูดว่าได้รับมาแล้วไม่บอก หรือบอกว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยได้เอกสาร 25 หน้าดังกล่าว แต่มีการโพสต์เอกสาร 25 หน้านั้นหลังจากการยิงตัวเองของผู้พิพากษา และตอนนี้โพสต์นั้นได้หายไปแล้ว
นายปิยบุตร อธิบายว่า เราได้เห็นเอกสาร 25 หน้าพร้อมๆ กับทุกคนผ่านเฟซบุ๊กของผู้พิพากษาคณากร ซึ่งไม่ได้เป็นเอกสารที่ปิดบัง ซึ่งหาดูได้ตามสื่อมวลชนทั่วไป ดังนั้น การที่มีการบอกว่าพรรคอนาคตใหม่รู้คำพิพากษาก่อนล่วงหน้านั้น ไม่เป็นความจริง
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เขาไม่เคยเจอกับนายคณากร มาก่อน มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ผู้พิพากษาคณากรส่งข้อความมาทางเพจนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และเพจของพรรคอนาคตใหม่ 2 ครั้ง เมื่อปลายเดือน ส.ค.และต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ครั้งแรกถามว่า พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายในการแก้ไขกฎหมายเพื่อประกันความเป็นอิสระขององค์คณะผู้พิพากษาหรือไม่ และครั้งที่ 2 เพื่อติดต่อขอพบ เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานที่จะแสดงว่า มีการแทรกแซงคำพิพากษาขององค์คณะของนายคณากร
“จุดเน้นย้ำของผมคือ พยายามจะถอนความเป็นการเมืองออกจากกรณีนี้ เพื่อให้การตัดสินใจของคุณคณากรเป็นความบริสุทธิ์จากเจตจำนงของเขาเอง ทั้งนี้มีความพยายามเอาความเป็นพรรคการเมือง การเมืองไปปะปนกัน ลดทอนเจตนารมณ์ของคุณคณากรไป”
นายปิยบุตร กล่าวและเสริมว่า
“การยิงตัวเองของคุณคณากรถือว่ากล้าหาญ ใจเด็ดมาก และเป็นเรื่องดีที่ไม่เสียชีวิต เราอย่าให้คุณคณากรตายทั้งเป็น ตายซ้ำสองอีกรอบ ทำลายชีวิตเขาอีกรอบหนึ่ง ทำให้ผมหยุดพูดเรื่องนี้และปล่อยให้วงวิชาการนำไปพูดกัน เพราะหากผมพูดเมื่อใด จะถูกฝ่ายที่ไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่นำไปปลุกปั่น อ้างว่าคุณคณากรเป็นกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ สมรู้ร่วมคิดกัน”
นายปิยบุตร ยังอธิบายอีกด้วยว่า ในส่วนที่ตัวเขาเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษชน สภาผู้แทนราษฎร นั่นก็คิดว่าควรจะใช้คณะกรรมาธิการนี้ผลักดันประเด็นนี้แทน เพื่อให้กรณีนี้เป็นบทเรียนว่า เราจะหาจุดสมดุลกันระหว่างประกันความเป็นอิสระขององค์คณะผู้พิพากษา หรือควรให้มีผู้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสร้างบรรทัดฐานในแนวคำพิพากษาศาล
อีกทั้งมีอีกคณะกรรมาธิการของสภาชุดอื่นที่ต้องการทำเรื่องเดียวกันนี้ด้วยคือ คณะกรรมาธิการศาล ซึ่งก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่าใครจะทำ หรือทำร่วมกัน
ในส่วนของศาลสถิตยุติธรรมเองก็ไม่นิ่งนอนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2562 คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ได้มีมติตั้งอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมวิสามัญ จำนวน 3 คน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และให้รายงาน ก.ต.ทราบภายใน 15 วัน
โดยอนุกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย (1) นางวาสนา หงส์เจริญ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลฎีกา เป็นประธานอนุกรรมการ (2) นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลอุทธรณ์ และ (3) นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลชั้นต้น
จากวันที่ 4 ต.ค.2562 ที่เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นในศาลจังหวัดยะลา แล้วยังสร้างพลานุภาพแผดกังวานไปทั้งประเทศ ขณะที่สื่อต่างชาติก็สะท้อนหวีดแว่วไปด้วยเช่นกัน จนถึงวันนี้ความฉงนสนเท่ห์หลายสิ่งหลายอย่างยังคงไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะหลายข้อสงสัยต่อเหตุที่ทำให้ถึงขั้นต้องกระทำอัตวินิตบาตกรรมตนเองของคนระดับผู้พิพากษา
ไม่เพียงเท่านั้น เวลานี้ผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อมมากมายต่างเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่ตัวของนายคณากรผู้ลั่นกระสุนหวังปิดชีพตนเองก็ยังปิดปาก ยังไม่ยอมกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกเลย!!
หลายคนจึงคงเฝ้ามองดูสถานการณ์ว่า ต่อจากนี้เรื่องราวต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไรและในทิศทางไหน โดยเฉพาะในส่วนของอนุกรรมการวิสามัญของ ก.ต.ที่เมื่อครบกำหนดจะรายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ก.ต.เช่นไร และที่ประชุม ก.ต.จะมีคำสั่งหรือความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมจำนวนมากต่างคาดการณ์ไปในทำนองเดียวกันว่า เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับบุคคลในกระบวนการยุติธรรม นับจากนี้สิ่งที่จะปรากฏออกมาให้สังคมรับรู้รับทราบอาจจะไม่ต่างจากกรณี “เพื่อนโชค” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานนี้?!
ที่สำคัญยิ่งคือ แล้วทางเดินต่อไปของผู้พิพากษาคณากรจะเป็นอย่างไร ท่ามกลางการจับตามองและวิเคราะห์กันหนาหูว่า เวลานี้เขาเดินไปถึงทางแพร่งที่จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญมากๆ ในชีวิตอีกคราหนึ่งแล้วว่าจะก้าวเท้าไปในทิศทางไหน ณ จุดที่เป็นทางแยกนี้
เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องถูกให้ออกจากราชการ อันเป็นไปตามที่เขาหวั่นเกรงจนต้องเขียนไว้ในแถลงการณ์ 25 หน้าหรือไม่? หรือหากยังได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้พิพากษาต่อไป บนเส้นทางนี้จะมีทางแยกให้เลือกเดินอีกหรือไม่? หรือว่าเขาจะเลือกทางเดินเพื่อสานต่อสิ่งที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 ซึ่งจะด้วยวิธีการใดก็ตาม?
เรื่องนี้มีแต่นายคณากรเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ได้!!
แต่จะเดินไปทางไหนก็ตาม มีสิ่งที่เขาย่อมจะปฏิเสธไม่ได้คือ บนหนทางเหล่านี้มีผู้คนไม่น้อยที่พร้อมจะหาเหตุผลมารองรับ “ธง” ที่พวกเขาปักเอาไว้แล้วว่าการกระทำของเขาไม่ได้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างที่กล่าวอ้าง หากแต่มีเบื้องหลังตามที่ได้จับมือกับพรรคการเมืองเอาไว้แล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อล้มล้าง “รัฐบาล” ที่พวกเขาชื่นชอบ?!?!
ทว่า ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากมายไม่แพ้กันที่พร้อมจะ “เป็นกำลังใจ” ให้เขาได้ก้าวเดินต่อไปในวิถีที่เขาเลือกที่จะย่ำย่างไปข้างหน้าตราบที่เขายังมีลมหายใจ!!!!
โดย… ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
.
จากวันที่ 4 ต.ค.2562 ที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังมีหลายคนคิดว่า “คณากร เพียรชนะ” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา จัดฉากยิงตัวเอง โดยมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง?!
หลายคนเหล่านั้นตั้งข้อสงสัยว่า คนจะฆ่าตัวตาย “ทำไมไม่ยิงกรอกปาก” หรือ “จ่อขมับ” ให้จบๆ ไป ทำไมต้องยิงที่ใต้ราวนม แล้วไฉนกระสุนปืนจึงไปโดนม้าม ซึ่งอยู่ห่างกับจุดที่ยิง บางคนถึงกับบอกว่านายคณากร ใช้กระสุนปลอม จึงยิงตัวเองแล้วไม่ตาย?!
ข้อสงสัยเหล่านี้แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ให้ข้อเท็จจริงว่า การยิงที่จุดไหนของร่างกายหากทำให้เสียเลือดจำนวนมากแล้ว จะยิงที่ไหนๆ ก็ตายได้เช่นกัน บางครั้งเสียเลือดมากแค่ภายใน 30 วินาทีก็ตายได้
หรือเรื่องจุดที่ยิงก็เช่นกัน นพ.บรรยง เหล่าเจริญสุข ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ระบุชัดเจนว่า มีรอยกระสุนที่ทรวงอกด้านซ้าย กระสุนทะลุออกทางแผ่นหลังด้านซ้าย กระสุนปืนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนขนาด 9 มม. และน่าจะเป็นกระสุนจริง ซึ่งก็สอดคล้องต่อการบอกกล่าวของตำรวจ สภ.เมืองยะลา ที่ยืนยันว่า กระสุนที่นายคณากร ใช้ยิงตัวเองเป็นกระสุนจริง
แต่คนที่เชื่อว่า นายคณากร จัดฉากยิงตัวเอง พวกเขาก็ยังคงความเชื่อนี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย!!
วันที่ 15 ต.ค.2562 หลังจากพักรักษาตัวมาราว 11 วัน นายคณากรได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน โดย ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ยะลากล่าวถึงอาการของนายคณากร ว่า เกือบหายเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีอาการเล็กน้อย จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนสภาพจิตใจนั้น เบื้องต้นพบว่าอาการทางจิตเป็นปกติดี
เมื่อข่าวกระจายออกไปผู้คนที่ไม่เชื่อว่านายคณากร ตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริงๆ ต่างแสดงความคิดเห็นออกมาในทำนองเดียวกันว่า ทำไมคนที่ตั้งใจยิงตัวตายได้ไม่กี่วันก็ได้ออกจากห้องไอซียู แล้วพักฟื้นต่ออีกไม่กี่วันก็ได้ออกจากโรงพยาบาล แถมเดินออกจากโรงพยาบาลแบบสบายๆ ตัวปลิวกลับบ้านเลย
ภายหลังออกจากโรงพยาบาล นายคณากรก็ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามสื่อมวลชน อีกทั้งก็แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ปรากฏออกมาสู่สาธารณชน!!
ส่วนเรื่องที่หลายคนเชื่อว่า การยิงตัวเองของนายคณากรมีเบื้องหลังเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้กล่าวตอบคำถามของผู้เข้าฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ” เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2562 ที่ถูกถามว่า…
มีการส่งข้อความ 25 หน้าให้นายปิยบุตร จริงหรือไม่ หากจริงให้นำมาเปิดเผย อย่าพูดว่าได้รับมาแล้วไม่บอก หรือบอกว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยได้เอกสาร 25 หน้าดังกล่าว แต่มีการโพสต์เอกสาร 25 หน้านั้นหลังจากการยิงตัวเองของผู้พิพากษา และตอนนี้โพสต์นั้นได้หายไปแล้ว
นายปิยบุตร อธิบายว่า เราได้เห็นเอกสาร 25 หน้าพร้อมๆ กับทุกคนผ่านเฟซบุ๊กของผู้พิพากษาคณากร ซึ่งไม่ได้เป็นเอกสารที่ปิดบัง ซึ่งหาดูได้ตามสื่อมวลชนทั่วไป ดังนั้น การที่มีการบอกว่าพรรคอนาคตใหม่รู้คำพิพากษาก่อนล่วงหน้านั้น ไม่เป็นความจริง
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เขาไม่เคยเจอกับนายคณากร มาก่อน มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ผู้พิพากษาคณากรส่งข้อความมาทางเพจนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และเพจของพรรคอนาคตใหม่ 2 ครั้ง เมื่อปลายเดือน ส.ค.และต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ครั้งแรกถามว่า พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายในการแก้ไขกฎหมายเพื่อประกันความเป็นอิสระขององค์คณะผู้พิพากษาหรือไม่ และครั้งที่ 2 เพื่อติดต่อขอพบ เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานที่จะแสดงว่า มีการแทรกแซงคำพิพากษาขององค์คณะของนายคณากร
“จุดเน้นย้ำของผมคือ พยายามจะถอนความเป็นการเมืองออกจากกรณีนี้ เพื่อให้การตัดสินใจของคุณคณากรเป็นความบริสุทธิ์จากเจตจำนงของเขาเอง ทั้งนี้มีความพยายามเอาความเป็นพรรคการเมือง การเมืองไปปะปนกัน ลดทอนเจตนารมณ์ของคุณคณากรไป”
นายปิยบุตร กล่าวและเสริมว่า
“การยิงตัวเองของคุณคณากรถือว่ากล้าหาญ ใจเด็ดมาก และเป็นเรื่องดีที่ไม่เสียชีวิต เราอย่าให้คุณคณากรตายทั้งเป็น ตายซ้ำสองอีกรอบ ทำลายชีวิตเขาอีกรอบหนึ่ง ทำให้ผมหยุดพูดเรื่องนี้และปล่อยให้วงวิชาการนำไปพูดกัน เพราะหากผมพูดเมื่อใด จะถูกฝ่ายที่ไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่นำไปปลุกปั่น อ้างว่าคุณคณากรเป็นกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ สมรู้ร่วมคิดกัน”
นายปิยบุตร ยังอธิบายอีกด้วยว่า ในส่วนที่ตัวเขาเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษชน สภาผู้แทนราษฎร นั่นก็คิดว่าควรจะใช้คณะกรรมาธิการนี้ผลักดันประเด็นนี้แทน เพื่อให้กรณีนี้เป็นบทเรียนว่า เราจะหาจุดสมดุลกันระหว่างประกันความเป็นอิสระขององค์คณะผู้พิพากษา หรือควรให้มีผู้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสร้างบรรทัดฐานในแนวคำพิพากษาศาล
อีกทั้งมีอีกคณะกรรมาธิการของสภาชุดอื่นที่ต้องการทำเรื่องเดียวกันนี้ด้วยคือ คณะกรรมาธิการศาล ซึ่งก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่าใครจะทำ หรือทำร่วมกัน
ในส่วนของศาลสถิตยุติธรรมเองก็ไม่นิ่งนอนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2562 คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ได้มีมติตั้งอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมวิสามัญ จำนวน 3 คน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และให้รายงาน ก.ต.ทราบภายใน 15 วัน
โดยอนุกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย (1) นางวาสนา หงส์เจริญ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลฎีกา เป็นประธานอนุกรรมการ (2) นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลอุทธรณ์ และ (3) นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลชั้นต้น
จากวันที่ 4 ต.ค.2562 ที่เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นในศาลจังหวัดยะลา แล้วยังสร้างพลานุภาพแผดกังวานไปทั้งประเทศ ขณะที่สื่อต่างชาติก็สะท้อนหวีดแว่วไปด้วยเช่นกัน จนถึงวันนี้ความฉงนสนเท่ห์หลายสิ่งหลายอย่างยังคงไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะหลายข้อสงสัยต่อเหตุที่ทำให้ถึงขั้นต้องกระทำอัตวินิตบาตกรรมตนเองของคนระดับผู้พิพากษา
ไม่เพียงเท่านั้น เวลานี้ผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อมมากมายต่างเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่ตัวของนายคณากรผู้ลั่นกระสุนหวังปิดชีพตนเองก็ยังปิดปาก ยังไม่ยอมกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกเลย!!
หลายคนจึงคงเฝ้ามองดูสถานการณ์ว่า ต่อจากนี้เรื่องราวต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไรและในทิศทางไหน โดยเฉพาะในส่วนของอนุกรรมการวิสามัญของ ก.ต.ที่เมื่อครบกำหนดจะรายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ก.ต.เช่นไร และที่ประชุม ก.ต.จะมีคำสั่งหรือความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมจำนวนมากต่างคาดการณ์ไปในทำนองเดียวกันว่า เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับบุคคลในกระบวนการยุติธรรม นับจากนี้สิ่งที่จะปรากฏออกมาให้สังคมรับรู้รับทราบอาจจะไม่ต่างจากกรณี “เพื่อนโชค” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานนี้?!
ที่สำคัญยิ่งคือ แล้วทางเดินต่อไปของผู้พิพากษาคณากรจะเป็นอย่างไร ท่ามกลางการจับตามองและวิเคราะห์กันหนาหูว่า เวลานี้เขาเดินไปถึงทางแพร่งที่จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญมากๆ ในชีวิตอีกคราหนึ่งแล้วว่าจะก้าวเท้าไปในทิศทางไหน ณ จุดที่เป็นทางแยกนี้
เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องถูกให้ออกจากราชการ อันเป็นไปตามที่เขาหวั่นเกรงจนต้องเขียนไว้ในแถลงการณ์ 25 หน้าหรือไม่? หรือหากยังได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้พิพากษาต่อไป บนเส้นทางนี้จะมีทางแยกให้เลือกเดินอีกหรือไม่? หรือว่าเขาจะเลือกทางเดินเพื่อสานต่อสิ่งที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 ซึ่งจะด้วยวิธีการใดก็ตาม?
เรื่องนี้มีแต่นายคณากรเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ได้!!
แต่จะเดินไปทางไหนก็ตาม มีสิ่งที่เขาย่อมจะปฏิเสธไม่ได้คือ บนหนทางเหล่านี้มีผู้คนไม่น้อยที่พร้อมจะหาเหตุผลมารองรับ “ธง” ที่พวกเขาปักเอาไว้แล้วว่าการกระทำของเขาไม่ได้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างที่กล่าวอ้าง หากแต่มีเบื้องหลังตามที่ได้จับมือกับพรรคการเมืองเอาไว้แล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อล้มล้าง “รัฐบาล” ที่พวกเขาชื่นชอบ?!?!
ทว่า ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากมายไม่แพ้กันที่พร้อมจะ “เป็นกำลังใจ” ให้เขาได้ก้าวเดินต่อไปในวิถีที่เขาเลือกที่จะย่ำย่างไปข้างหน้าตราบที่เขายังมีลมหายใจ!!!!