นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีฯ รวบทีมปล้นนักธุรกิจฟินแลนด์ ก่อนนำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยเห็นเงินล่อใจชวนทีมมาปล้นแบ่งเงินกันก่อนหนีแต่ไม่รอด อดีตภรรยายันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เดินทางเข้าติดตามคดีที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช หลังจากที่ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้รายงานผลการจับกุมคนร้ายในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ นายติโม ไอนาริ พาร์ติเนน (Partinen TiMo Einari) เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 76/21 หมู่ 5 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านที่ โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินไปเป็นเงินสด 250,000 บาท ส่วนนายติโม ถูกคนร้ายแทงคอได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัว นายยุทธภูมิ หรือเสือ ไชยศรีมาลย์ อายุ 35 ปี นายสวาท หรือเหว่า โพชดา อายุ 59 ปี และนายปัญญา หรือหรั่ง ไชยศรีมาลย์ อายุ 56 ปี เอาไว้ได้ 3 ราย และผู้ต้องหาอีกรายที่ยังหลบหนีคือ นายประสิทธิ์ หรือสิทธิ์ อินทรวิจิตร อายุ 35 ปี ในความผิดฐานข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้ก่อเหตุทั้งหมดอาศัยอยู่ใกล้เคียงกับบ้านที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการปีนรั้วเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย แล้วเข้าไปก่อเหตุล็อกตัวแทงคอผู้เสียหาย แล้วชิงเอาเงิน จำนวน 2.5 แสนบาทหลบหนีไป โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไว้ได้ยอมรับสารภาพ
นายสวาท ให้การรับสารภาพว่า ได้รับส่วนแบ่งเป็นเงิน จำนวน 120,000 บาท และได้นำไปแบ่งให้นายประสิทธิ์ ที่ยังหลบหนีอยู่ จำนวน 60,000 บาท ส่วนนายปัญญา เป็นผู้นำเงินส่วนแบ่ง จำนวน 120,000 บาท ไปให้นายยุทธภูมิ ซึ่งถูกจับกุมได้ และยอมรับสารภาพ ส่วนนายประสิทธิ์ ที่ยังหลบหนีได้เงินไป 60,000 บาท และยืนยันว่าภรรยาของผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน พบว่า ผู้ที่ร่วมก่อเหตุนั้นสืบเนื่องจากนายยุทธภูมิ หรือเสือ ได้รับจ้างจากนายติโม มาสะเดาะกุญแจประตูรั้ว หลังจากนั้นได้ไปรับเงินค่าจ้างจากนายติโม แล้วเห็นว่ามีเงินสดจำนวนมากวางอยู่ จึงกลับออกไป และชักชวนเพื่อนมาร่วมก่อเหตุ รวมทั้งตัวเองเป็น 4 คน จากนั้นได้ย้อนกลับมาก่อเหตุ โดยมีนายยุทธภูมิ หรือเสือ นายสวาท หรือเหว่า และนายประสิทธิ์ หรือสิทธิ์ เข้าไปในบ้านร่วมกันก่อเหตุ ส่วนนายปัญญา หรือหรั่ง ดูต้นทางอยู่ด้านนอก หลังจากทำร้ายนายติโม และได้เงินแล้วจึงพากันหลบหนี ขณะที่นายติโม ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วน น.ส.ทัศณีย์ สินโทวงค์ อายุ 41 ปี อดีตภรรยาของนายติโม เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุได้ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ได้แยกทางกับนายติโม มา 3 ปีกว่าแล้ว ส่วนลูกนายติโม ได้นำไปศึกษาที่ประเทศฟินแลนด์ ก่อนเกิดเหตุนั้นนายติโม เดินทางกลับมาเพื่อทำการโอนรถยนต์ที่ตกลงซื้อไว้ แต่ตนเองไม่ได้โอนเงินไปให้ เนื่องจากสมุดทะเบียนนายติโม พาไปต่างประเทศด้วย เมื่อนายติโม กลับมาจึงไปชำระเงิน จำนวน 2.5 แสนบาทเรียบร้อย เขาเอาเงินกลับมาตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่บ้านหลังนี้ เขามีกุญแจเข้าตัวบ้าน แต่ไม่มีกุญแจรั้ว แต่ปีนข้ามรั้วเข้าไปเปิดบ้านได้ และนอนอยู่ในบ้านแล้ว 1 คืนด้วยซ้ำ หลังจากนั้นได้ไปว่าจ้างคนมาสะเดาะกุญแจรั้วในช่วงบ่ายของวันที่ 12 ต.ค. และทราบว่ามาถูกก่อเหตุในช่วงค่ำ ขอทำความเข้าใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
หลังจากที่เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วเสร็จ จึงได้ถูกนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ส่วนนายติโม แพทย์ได้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้ หลังจากนั้นจะอยู่ในความดูแลของตำรวจท่องเที่ยว เพื่อรอนำไปสืบพยานล่วงหน้าที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศฟินแลนด์ในเร็วๆ นี้
