xs
xsm
sm
md
lg

“นิพิฏฐ์” ขออย่ามองเรื่องการยิงตัวตายของผู้พิพากษาเป็นประเด็นการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
พัทลุง - นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผช.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขออย่ามองเรื่องการยิงตัวตายของผู้พิพากษาเป็นประเด็นการเมือง ชี้ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่ต้องทบทวนกระบวนการยุติธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน

วันนี้ (7 ต.ค.) จากกรณี นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นก่อเหตุพยายามฆ่าตัวตาย หลังพิพากษาคดีความมั่นคง ณ ห้องพิจารณา 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผช.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความ ได้แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว ว่า เราอย่ามองเรื่องนี้เป็นการเมือง ผู้พิพากษาบางท่าน ท่านอาจจะชอบพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ นั่นเป็นสิทธิของท่านเพราะท่านก็เป็นพลเมืองของประเทศนี้ ท่านอาจจะชื่นชอบพรรคการเมืองใดก็ได้ ถ้าท่านคิดว่าพรรคการเมืองนั้นสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ตรงกับหน่วยงานของท่านที่มีปัญหาอยู่

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นมีประเด็นหลักๆ อยู่อย่างเดียวคือ ในกระบวนการของศาลไทยมีการแทรกแซงคำพิพากษาได้หรือไม่ สำหรับผู้พิพากษาที่ท่านยิงตัวเองท่านบอกว่ามีการแทรกแซงการพิพากษาได้ และท่านรู้สึกว่าท่านไม่อิสระในการติดสินคดี เพราะถูกแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นสังคมก็ต้องดูตรงนี้ว่าในกระบวนการตุลาการของไทยมันมีการแทรกแซงได้จริงหรือเปล่า

ซึ่งถ้าเราดูโครงสร้างของกฎหมายมันไม่สามารถแทรกแซงได้ เพียงแต่มีอำนาจหนึ่งของผู้บังคับบัญชาหรือที่อธิบดีมี คือการให้คำแนะนำผู้พิพากษาในเขตศาลของตัวเอง แต่เมื่อแนะนำแล้วผู้พิพากษาจะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ แต่ถ้าแนะนำแรงไปหรือมีการคาดโทษในกรณีที่ผู้พิพากษาไม่ทำตาม อันนี้ก็ถือเป็นการแทรกแซงได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบุคลิกของผู้พิพากษาและอธิบดีแต่ละคนด้วยว่า มีวิธีแนะนำอย่างไรอย่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าคุณกำลังแทรกแซงอยู่
 

 
ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาเองซึ่งเป็นผู้พิพากษาบางคนก็มีความอ่อนไหว คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมากสำหรับเขา หากถูกผู้บังคับบัญชาแนะนำหรือถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิ แต่บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาท่านแนะนำเราก็ปฏิบัติตามไป ขึ้นอยู่กับบุคลิกของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละคน แต่ในกรณีผู้พิพากษาท่านนี้ที่ตัดสินใจยิงตัวตาย ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับท่าน และท่านก็คิดว่าท่านถูกแทรกแซงแล้ว และท่านก็รับไม่ได้ ท่านก็เลยตัดสินใจในการยิงตัวตายพร้อมมีเอกสารอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อหวังให้สังคมได้รับรู้

นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของเรื่องการแทรกแซงหากเกิดขึ้นจริงๆ ในมุมมองของตนคิดว่าวิธีการที่จะแก้ได้ทุกอย่างจะต้องโปร่งใส่ สามารถตรวจสอบได้ เป็นเรื่องที่แก้ได้ยาก เพราะเราต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าในประเทศนี้อำนาจ 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ แต่สิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้คืออำนาจตุลาการ ตนเป็นคณะกรรมการแก้วิกฤตตุลาการมาตลอด รวมทั้งเคยคิดกันว่าจะมีการสร้างโครงสร้างเสมือนในต่างประเทศว่า ต้องให้ทั้ง 3 อำนาจมีการถ่วงดุลกัน ทั้งต้องให้มีการตรวจสอบได้

แต่เราไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบตุลาการได้เพราะเราไม่เชื่อใจนักการเมือง ไม่เชื่อว่านักการเมืองจะตรวจสอบผู้พิพากษาได้ และจะดีกว่าระบบเดิมเพราะต้องยอมรับความจริงว่านักการเมืองบางส่วนมีสีเทา บางส่วนก็สีดำ และบางส่วนก็สีดำมาก ซึ่งหากจะใช้นักการเมืองที่มีสีเทา สีดำ ไปถ่วงดุล หรือไปดูแลกระบวนการตุลาการจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหามานานร่วม 30 ปี ที่มีการคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แต่สุดท้ายก็ยังหาวิธีไม่ได้

แต่พอกรณีผู้พิพากษายิงตัวตายเกิดขึ้น ในมุมมองของตนมองว่า อย่าให้การยิงตัวตายของท่านสูญเปล่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดูว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่ต้องทบทวนกระบวนการยุติธรรม และดูว่าจะต้องทบทวนในเรื่องไหนบ้าง เพราะสิ่งที่ต้องทบทวนก็เพื่อประชาชน เพราะหากถึงวันหนึ่งที่ต้องขึ้นศาล ประชาชนจะต้องมีความเชื่อและมั่นใจว่าคดีของท่านจะไม่ถูกแทรกแซง
 


กำลังโหลดความคิดเห็น