นครศรีธรรมราช - ชาวประมงพื้นบ้านถูกกฎหมายตรึงพื้นที่เฝ้าระวังเรือลอบคราดหอยเถื่อนช่วยเจ้าหน้าที่ ด้านกรมประมงส่งเรือตรวจการณ์ตรึงกำลังเพิ่ม พบข้อมูลเรือก่อเหตุชิงผู้ต้องหาถูกเร่งเปลี่ยนสีทำลายหลักฐาน
วันนี้ (6 ต.ค.) หลังจากเกิดเหตุการณ์ปล้นของกลางและชิงตัวผู้ต้องหาของกลุ่มประมงผิดกฎหมายที่นครศรีธรรมราช ความเคลื่อนไหวของการป้องกันประมงผิดกฎหมาย นอกจากเจ้าหน้าที่แล้ว ยังพบว่า ขณะนี้ชาวบ้านบริเวณปากน้ำอ่าวปากพูน ปากน้ำอ่าวปากพญา ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับปากน้ำอ่าวปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเครือข่ายประมงพื้นบ้านแบบยั่งยืนหมุนเวียนมาตั้งจุดเฝ้าระวังเรือลอบคราดหอยเถื่อนบริเวณปากอ่าวชุมชนของตนเอง หลังจากพบว่าเรือคราดหอยเถื่อนและเรือลอบไอ้โง่ยังพยายามลักลอบทำประมงเถื่อนต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัว
นายจรวย นาคเพ็ง ชาวประมงพื้นบ้านตำบลปากพูน เปิดเผยว่า การทำประมงของกลุ่มเรือคราดหอยนอกจากทำลายพื้นที่หากินของชาวบ้านที่ทำประมงแบบยั่งยืนแล้ว หลังจากพยายามทำแนวกระโจมปลาเพื่อสร้างความหลากหลายของสัตว์น้ำ พวกเรือคราดหอยพยายามเข้ามารุมล้อมข่มขู่คุกคามเอาชีวิตไม่ให้ทำพื้นที่อนุรักษ์ ชาวบ้านจึงต้องใช้วิธีรวมตัวกันเฝ้าระวังร่วมกัน เมื่อพบชาวบ้านจะร่วมกันหลายลำเข้าทำการปิดล้อมตอบโต้และแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจประมงทะเล กรมประมง และเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เพิ่มกำลังการตรวจตรึงพื้นที่บริเวณจุดที่ถูกก่อเหตุลอบคราดหอบในพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่กระโจมบ้านปลาตลอดแนวฝายฝั่งอ่าวแหลมตะลุมพุก อ่าวปากนคร อ่าวปากพญา และอ่าวปากพูน ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันทั้งหมด เพื่อป้องกันการลักลอบก่อเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มเรือเครื่องมือผิดกฎหมายจากชุมชนปากนคร ชุมชนท่าไร ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยของเรือประมงกลุ่มนี้ออกมาก่อเหตุ
นายพรศักดิ์ ศักดิ์ธานี ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของการเร่งรัดดำเนินคดีต่อกลุ่มก่อเหตุชิงตัวผู้ต้องหาและของกลาง ขณะนี้ได้ทยอยส่งภาพบันทึกข้อมูลหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง การควบคุมพื้นที่ล่าสุดนั้น หน่วยตรวจการณ์ประมงได้ส่งเรือเข้ามาเพิ่มขึ้นตรึงกำลังกดดัน ขณะเดียวกัน ทางฝั่งทหารเรือ ตำรวจน้ำ และ ศรชล. ได้ประสานงานเตรียมส่งกำลังเข้าสนับสนุน
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบข้อมูลว่า ขณะนี้กลุ่มเรือที่ก่อเหตุปล้นชิงตัวผู้ต้องหาและของกลาง ได้ลากเรือขึ้นบกหมดทุกลำ โดยได้พาหลบหนีไปทำสีใหม่ทั้งหมดเพื่อทำลายหลักฐานให้มีความแตกต่างกับภาพที่เจ้าหน้าที่บันทึกได้ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหานั้นได้แบ่งกลุ่มคดีออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ประมง มีนายสุวรรณรัตน์ ยิ่งบุรุษ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกจับกุมแล้วแต่ได้ถูกแย่งชิงและหลบหนีการควบคุม เป็นผู้ต้องหาอย่างน้อย 1 ราย
ส่วนในกลุ่มก่อเหตุขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขั้นตอน ในจำนวนนี้อย่างน้อย 3 คน อาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดในข้อหาหนักคือ “ร่วมกันปล้นทรัพย์ของกลางที่ตรวจยึดได้จากการกระทำความผิดที่อยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงานในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย” ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อระบุตัวบุคคลเพื่อออกหมายจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป