xs
xsm
sm
md
lg

ทนายออกโรงโต้ ยันไม่ใช่แก๊งหลอกขายที่ แค่ถูกจ้างให้เพิกถอนที่ดินคู่กรณีและสิทธิครอบครองอีก70ไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทนายโต้นายทุนเจ้าของที่ดินเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต หลังถูกกล่าวหาเป็นแก๊งหลอกขายที่ดิน 80 ล้าน ยันไม่ใช่เรื่องจริง มีสัญญาว่าจ้างให้ดำเนินการเพิกถอนที่ดินคู่กรณี สูงถึง 100 ล้านบาท เสร็จงานยังไม่จ่ายค่าจ้าง แถมเพิ่มค่าตัวให้อีกจ้างทำเรื่องสิทธิครอบครองที่ดินอีก 70 ไร่ ออกโฉนดไม่ได้ ฟ้องศาลปกครอง

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (30 ก.ย.) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวภูเก็ต นายณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ ทนายความชื่อดังในจังหวัดภูเก็ต ออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด ได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและร้องขอความเป็นธรรม ถูกกลุ่มมิจฉาชีพ หรือ แก๊งต้มตุ๋น เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินบนเกาะนาคาน้อย หมู่ที่ 5 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลอกเอาเงิน 80 ล้านบาท เพื่อแลกกับการออกโฉนดบนเกาะนาคาน้อย

โดยนายณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ กล่าวว่า กลุ่มมิจฉาชีพหรือแก๊งต้มตุ๋นที่นายชาญวิทย์พูดถึงนั้น หมายถึงตน เนื่องจากนายชาญวิทย์ได้ว่าจ้างให้ตนไปดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินคู่กรณี ของนายชาญวิทย์ บนเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับตน

การออกมาแถลงข่าวในวันนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง เนื่องจากเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา นายชาญวิทย์ได้ออกมาแถลงข่าวผ่านสื่อต่างๆ ว่า มีทนายความคนหนึ่งในภูเก็ต พร้อมกับระบุชื่อของตนว่ามีพฤติกรรมหลอกซื้อขายที่ดินบนเกาะนาคาน้อย เป็นแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงออกโฉนด ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับตนเป็นอย่างมาก ตนไม่ได้เป็นนายหน้าขายที่ดิน หรือ รับออกโฉนดที่ดินบนเกาะนาคาน้อยแต่อย่างใด

โดยตนและนายชาญวิทย์ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมารู้จักกันเมื่อนายชาญวิทย์ได้มาซื้อที่ดินบนเกาะนาคาน้อย จำนวน 24 ไร่ เป็น นส.3 ก.เลขที่ 3977 แต่ถูกร้องเรียนและมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าว หลังจากนั้นนายชาญวิทย์ได้มาปรึกษาตน และตนได้เข้าไปดำเนินการในส่วนของการดำเนินคดีของดีเอสไอเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบ จนสำเร็จ นายชาญวิทย์ไม่ถูกดำเนินการคดีในส่วนของดีเอสไอ จากนั้นได้ปรึกษาต่อในส่วนของที่ดินคู่กรณีที่เป็นของตระกูลดาราดัง ที่อยู่ติดกันบนเกาะนาคาน้อย โดยนายชาญวิทย์เชื่อว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดินของตระกูลดาราดัง ก็น่าจะออกไม่ชอบเช่นกัน

ตนจึงได้เสาะหาข้อมูล จนเป็นที่เชื่อได้ว่า เอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าวน่าจะออกไม่ชอบเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างให้ตนมาเป็นทนายความดำเนินการในการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของตระกูลดาราดัง โดยกำหนดค่าจ้าง 100 ล้านบาท จึงได้ทำสัญญาว่าจ้างต่อกัน โดยกำหนดชัดเจนว่าตนจะต้องดำเนินการให้มีการเพิกถอนที่ดินของคู่กรณีให้ได้ ซึ่งตนจะต้องดำเนินการใน 2 เรื่องหลักๆ คือ นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตนไปเสาะหามาถึงการได้มาโดยไม่ชอบของที่ดินแปลงดังกล่าว และนำเอกสารที่ได้มาไปร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไปร้องกับทาง พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนได้พานายชาญวิทย์ไปด้วยในครั้งนั้น
 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิที่ดิน ปรากฏว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมที่ดินขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของตระกูลดาราดังบนเกาะนาคาน้อย ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของนายชาญวิทย์

“ถือว่าได้ทำงานเสร็จสิ้นตามสัญญาจ้างแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.2560 ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือให้กรมที่ดินเพิกถอนที่ดินของดาราดัง เงินค่าจ้าง 80 ล้านบาทที่นายชาญวิทย์ออกมาแถลงนั้นไม่เป็นความจริง นายชาญวิทย์ยังไม่จ่ายค่าจ้างตามสัญญาว่าจ้างแต่อย่างใด” ทนายดังกล่าวและว่า

เนื่องจากได้มีการเพิ่มค่าจ้างขึ้นเรื่อยๆ จาก 100 ล้านบาท เป็น 180 ล้านบาท เพื่อให้ตนนำที่ดินอีกแปลงหนึ่งของนายชาญวิทย์บนเกาะนาคาน้อย ที่มีหลักฐานเป็น ภ.บ.ท.5 ซึ่งนายชาญวิทย์ได้รับมอบมาจากผู้ที่ครอบครองที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ตนจึงได้ตรวจสอบว่า ที่ดินบนเกาะนาคาน้อยนั้น สามารถครอบครองได้หรือไม่ จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิการครอบครองที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ที่นายชาญวิทย์ครอบครองแบบมือเปล่า

โดยตรวจสอบไปยังป่าไม้เขต 12 ว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าหรือไม่ ปรากกฏว่า ไม่อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตป่าถาวร และทำการรังวัดสอบเขต ถ่ายรูปแผนที่ ป่าไม้จึงออกหนังสือรับรองให้นายชาญวิทย์ ครอบครองที่ดินได้ จาก 50 ไร่ เป็น 70 ไร่ รวมถึงกำนันตำบลป่าคลอกได้ยืนยันการครอบครองและเก็บผลอาสินได้ และแจ้งไปยังป่าไม้เขต 12 ขอเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว จนคู่กรณีแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกป่าและบุกรุกที่ดินที่อยู่ในการครอบครอง


จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน รวมถึงเจ้าของที่ดินใกล้เคียง มาตรวจสอบแนวเขตร่วมกันทุกฝ่าย ผลการตรวจสอบไม่มีปัญหาอะไร จึงนำนายชาญวิทย์ไปยื่นขอออกเอกสารสิทธิที่ดินเฉพาะราย เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2561 แต่เจ้าพนักงานที่ดินสาขาถลางแจ้งว่า ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิที่ดินเฉพาะรายให้ได้ นายชาญวิทย์จึงไปร้องศาลปกครองเพื่อขอออกเอกสารสิทธิที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ซึ่งถือว่าตนได้ดำเนินการให้ได้ซึ่งสิทธิการครอบครองที่ดินบนเกาะนาคาน้อยได้เสร็จสิ้นขบวนการแล้ว

นายชาญวิทย์จึงได้ทำสัญญาว่าจ้างให้ตนดำเนินการให้ได้ซึ่งสิทธิการครอบครองอีกครั้ง เมื่อถึงวันทำสัญญาว่าจ้างทนายความที่ต้องจ่ายเงินงวดแรก 5 ล้านบาท นายชาญวิทย์บอกว่าไม่มีเงิน และได้บอกเลิกสัญญาจ้างทั้งหมดที่ทำต่อกัน และออกมาแถลงข่าวว่าตนเป็นแก๊งต้มตุ๋น จึงอยากจะถามกลับไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเรียกว่าแก๊งต้มตุ๋นหรือ ถามว่าได้จ่ายค่าจ้างให้ตนแล้วหรือยัง 100 ล้านบาท ตนไม่สามารถออกโฉนดได้ ในฐานะนักกฎหมายดำเนินการได้ตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น สามารถทำให้มีสิทธิครอบครองที่ดินได้

นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ตนได้รับความเสียหาย ตนจึงได้ใช้สิทธิทางกฎหมายยื่นฟ้องนายชาญวิทย์ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และจะตามมาอีกหลายๆคดี ในเร็วๆนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น