xs
xsm
sm
md
lg

ตร.-พัฒนาสังคมสตูลบุกช่วยเด็กชายวัย 13 ปี ถูกพ่อล่ามโซ่ไว้กับต้นไม้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
สตูล - ตร.-พัฒนาสังคม จ.สตูล บุกช่วยเด็กวัย 13 ปี ถูกพ่อล่ามโซ่ไว้กับต้นไม้ พ่ออ้างลูกชายป่วยไม่อยู่นิ่ง ต้องทำงานไม่มีเวลาดูแล กลัวลูกได้รับอันตราย ส่วนแม่เลิกกันไปนานแล้ว ด้านแม่เลี้ยงก็ป่วยไล่จับไม่ไหว ตร.ชี้พ่อทำเพราะจำเป็นแต่ก็ต้องดูว่ามีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ พัฒนาสังคมเตรียมส่งเด็กเข้ารับการรักษา

วันนี้ (26 ก.ย.) พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำกระบี่ ผกก.สภ.ควนกาหลง พร้อมด้วย น.ส.วัชรี ศิริ พัฒนาสังคม (ชำนาญการพิเศษ) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สตูล เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สตูล พร้อมด้วยตำรวจร่วม 10 นาย รีบรุดไปที่บ้านเลขที่ 202 หมู่ที่ 3 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเด็กถูกล่ามโซ่ผูกติดไว้กับต้นไม้นานนับปี

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปที่บ้านดังกล่าวพบนางภรนภัส นุ่นมี อายุ 47 ปี แม่เลี้ยงของเด็ก ก่อนจะถามหาเด็กน้อยที่ถูกล่ามโซ่ โดยแม่ได้นำเจ้าหน้าที่ไปที่ต้นมะขามขนาดใหญ่ห่างจากบ้านประมาณ 10 เมตร พบเด็กนั่งบนเปล เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปใกล้ได้พยายามหลบหนีซ่อนหน้าเข้าภายในต้นไม้ และพูดจาซ้ำไปซ้ำมาเป็นภาษาใต้สำเนียงนครศรีธรรมราช เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าจะให้เอาโซ่ออกไหม เด็กบอกว่าให้เอาออก พ่อผูกขาให้ติดกับต้นไม้ 

เจ้าหน้าที่พบโซ่ขนาดนิ้วโป้งยาวไม่มากนักพอให้เดินรอบต้นไม้ได้ในระดับหนึ่ง ล่ามโซ่ไว้กับข้อเท้าด้านขวาผูกติดต้นไม้ ใกล้ๆ บริเวณพบกะละมังใบเล็กพร้อมช้อน คาดว่าจะเป็นภาชนะใส่ข้าวให้หนูน้อย แต่ไม่มีร่องรอยของข้าวแล้ว ตำรวจจึงได้เชิญพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งเข้านอนภายในบ้านหลังจากกลับจากกรีดยางพารา คือ นายกิติศักดิ์ ไผ่บุญจันทร์ อายุ 37 ปี โดยให้ไปนำกุญแจมาปล่อยลูกชายชื่อน็อต วัย 13 ปี

นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อแรกเกิดไม่นาน ด.ช.น็อต มีอาการลมชัก จากนั้นมามีพฤติกรรมที่อยู่ไม่นิ่งคล้ายคนสมาธิสั้น พาไปพบแพทย์เมื่อครั้งอยู่กับย่าที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ลูกอยากมาอยู่กับน้องชาย ซึ่งเป็นลูกกับภรรยาใหม่ จึงนำมาอยู่ด้วย แม่ของน้องน็อตได้เลิกรากันไปนานแล้ว ช่วงหลังห่างการรับยามานานและไม่ได้รักษาต่อเนื่อง พักหลังๆ ลูกจะวิ่งหนีไปไกล ต้องคอยตามกลับบ้าน กลัวว่าจะตกน้ำหรืองูกัด อีกทั้งตนต้องออกไปตัดยางพารา และยอมรับว่าเหนื่อยจากงานไม่ได้พักผ่อน ส่วนภรรยาใหม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่มีแรงจะวิ่งไล่จับ ตนกลัวลูกจะได้รับอันตราย จึงนำมาผูกติดไว้กับต้นมะขาม
 
นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า จะนำ ด.ช.น็อต มาล่ามในช่วง 08.00-14.00 น. หลังพ่อทำธุระพักผ่อนเสร็จก็จะแกะโซ่ลูกนำไปอาบน้ำและนำไปผูกภายในบ้านอีกครั้ง เพื่ออยู่ด้วยกัน ทำแบบนี้มาร่วมปีแล้ว ยอมรับว่าตีลูกบ้างเพื่อกำราบเพื่อให้เขาเชื่อฟัง เพราะพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง การให้อาหารลูกก็ให้ครบ 3 มื้อมีขนมบ้าง แต่ยอมรับว่าลูกกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม เป็นคนกินเก่ง ทำให้ต้องจำกัดอาหาร
 

 
หลังจากนั้น นายกิติศักดิ์ ได้นำกุญแจมาไขที่ข้อเท้า ด.ช.น็อตตามคำสั่งของตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะช่วยกันจับน้องไม่ให้วิ่งหนีและเชิญชวนไปสอบปากคำถึงสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งถึงการล่ามโซ่ลูกในครั้งนี้ พร้อมกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และบ้านพักเด็กจังหวัดอีกครั้ง พร้อมดูสภาพร่างกายโดยรวมของ ด.ช.น็อต ว่ามีอาการบาดเจ็บตามร่างกายหรือไม่ พบร่องรอยบาดแผลที่ศีรษะ และตามตัวตามคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อว่าเกิดจากความซนเสียเป็นส่วนใหญ่

ทันทีที่นำ ด.ช.น็อต มาถึง สภ.ควนกาหลง โดยมีพ่อแม่ตามมาทีหลังนั้น ด.ช.น็อต ได้ดิ้นหลุดมือตำรวจมุ่งไปที่ถังขยะเก็บเศษอาหารที่กินเหลือทิ้งอย่างไม่สนใจสายตาใคร เป็นภาพที่สะท้อนถึงอาการหิวโซ สร้างความตกใจให้แก่ผู้พบเห็น ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยกันดึงน้องออกมาและเตรียมอาหารให้กินอย่างเต็มอิ่ม

พ.ต.อ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า จากคำบอกเล่าของพ่อ พบว่า เป็นความจำเป็นเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย เพราะลูกมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง อีกทั้งรับจ้างกรีดยางพาราจึงนำลูกล่ามโซ่ไว้ ซึ่งดูจากพฤติกรรมของ ด.ช.น็อตแล้ว ก็เชื่อได้ว่าน่าจะมีความผิดปกติทางร่างกายและสมอง ซึ่งในทางคดีนั้นคงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูฐานความผิดอีกครั้ง

ด้าน น.ส.วัชรี กล่าวว่า พ่อของ ด.ช.น็อตยอมรับว่าได้พยายามค้นหาแหล่งรักษาลูกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปรักษาลูกที่ไหน จึงเลือกวิธีการล่ามโซ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในการกระทำต่อสิทธิมนุษยชน อีกทั้งเด็กเองก็มีพฤติกรรมที่อยู่ไม่นิ่ง เชื่อว่าหากมีการเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ด.ช.น็อต จะมีอาการที่ดีขึ้น เพราะพ่อเองก็ยอมรับว่าลูกขาดการรักษามาพอสมควร หลังจากนี้คงต้องให้ ด.ช.น็อต ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็ก จ.สตูลก่อน และเข้ากระบวนการรับการรักษาหลังพบพ่อแม่ไม่มีความสามารถในการดูแล

สำหรับผู้ปกครอง หากบุตรหลานมีความผิดปกติทางสมองและร่างกายควรพบแพทย์และรักษาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ากรณีนี้หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ด.ช.น็อต จะกลับมาหายได้
 


กำลังโหลดความคิดเห็น