นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านดักรอชูป้ายร้องทุกข์ขบวนรถ “นายกรัฐมนตรี” เดือดร้อนจากโครงการคลองผันน้ำหมื่นล้าน จ.นครศรีธรรมราช เผยร้องเรียนทุกช่องทางแล้วไม่ได้ผล แถมเคยไปรอร้องนายกฯ กลับถูกกันไม่ให้ยื่นหนังสือ
วันนี้ (13 ก.ย.) ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากคลองผันน้ำหมื่นล้าน หรือในชื่อโครงการ “คลองผันน้ำเลี่ยงเมืองนครศรีธรรมราช” ใน ต.ไชยมนตรี และ ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตัดสินใจมาดักรอขบวนรถของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณแยกหัวถนน ต.ศาลามีชัย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อชูป้ายความเดือดร้อนให้ขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินทางไปยังโครงการประตูระบายน้ำ ในโครงการนี้ที่คลองท่าเรือ-หัวตรุด ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โดยเชื่อว่าหากนายกรัฐมนตรีเห็นป้ายจะมีการสอบหาข้อเท็จจริง โดยการชูป้ายชาวบ้านใน ต.ไชยมนตรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้ชูป้ายพร้อมทั้งยกมือไหว้ขบวนรถ โดยไม่ได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายใดๆ หลังจากที่ขบวนรถผ่านไปแล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาบันทึกภาพ ทั้งผู้ที่มาชูป้าย และผู้สื่อข่าวที่มาบันทึกภาพข่าว
ขณะที่ชาวบ้านแจ้งเหตุผลด้วยว่า ที่ผ่านมา การร้องเรียนความเดือดร้อน และข้อเสนอให้มีการพิจารณาปรับโครงการเพื่อให้ชาวบ้านอยู่ได้ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบน้ำ และสิ่งแวดล้อม พื้นที่ก่อสร้างประตูระบายน้ำที่ กม.9+200 คลองท่าเรือ-หัวตรุด วงเงินสูงถึงกว่า 9,580 ล้านบาท โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบรวมตัวศึกษาโครงการ พบว่า โครงการนี้ไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบ หรืออีไอเอแต่อย่างใด
นายนิพนธ์ นัทธีเชาว์ ชาว ต.ไชยมนตรี ผู้มาชูป้าย เปิดเผยว่า เราไม่ได้คัดค้านโครงการ แต่มีข้อเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนด้วยการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ คือการปรับปรุงคลองสายหลักให้สามารถระบายน้ำได้ การชะลอน้ำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรักษาชุมชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบให้ประชาชนสามารถอยู่ในพื้นที่ต่อไปได้ หากยังเดินหน้าแน่นอนว่าครอบครัวชุมชนล่มสลายแน่นอน รวมทั้งสภาพแวดล้อมต้นน้ำ กลางน้ำ ที่จะเรียกกลับมาไม่ได้อีกต่อไป
เช่นเดียวกับ นางปราณี การะเวก ชาว ต.ไชยมนตรี อีกรายที่ร่วมกันชูป้าย เปิดเผยว่า ตนเองมีสมาชิกในครอบครัว 12 คน มีที่ดิน 2 ไร่ มีบ้าน มีสวนผลไม้ในพื้นที่จะต้องถูกเวนคืนทั้งหมด สมาชิกทั้ง 12 คนจะอยู่อย่างไร อีกทั้งอายุ 67 ปีแล้วจะไปทำอย่างไรต่อไปได้ พร้อมทั้งเรียกร้องขอให้ตำรวจช่วยด้วย
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านกลุ่มนี้ยังแจ้งด้วยว่า มีการยื่นหนังสือทุกช่องทางอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจใดๆ รวมทั้งมีความพยายามในการยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ครั้งสุดท้ายที่เดินทางมายัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคราวพายุปาบึก แต่กลับถูกกันให้ไปยื่นในจุดอื่นแทน โดยการชูป้ายครั้งนี้เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเห็น และเรียกสอบข้อเท็จจริงของโครงการฯ