กระบี่ - เปิดที่มาคดีประวัติศาสตร์แย่งสิทธิครอบครอง “เกาะปอดะ” แหล่งท่องเที่ยวดัง จ.กระบี่ กว่า 30 ปี ที่มีการต่อสู้กันทางกฎหมาย สุดท้ายปิดฉากนายทุนแพ้ ที่ดินตกเป็นของกรมอุทยานฯ

สำหรับคดีฟ้องร้องระหว่างกรมอุทยานฯ และนายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และเจ้าของโรงแรมชื่อดังในกระบี่ คดีบุกรุกที่ดินบนเกาะปอดะ จ.กระบี่ คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2528 กรมอุทยานฯ ฟ้องร้อง นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด พร้อมบริวารเป็นคดีอาญา ข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่อุทยานฯ และมีการต่อสู้คดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ จนนำไปสู่การเพิกถอนหนังสือการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 ก. ของนายชวนรวม 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 71 ไร่ และเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2554 ศาลฎีกามีคำพิพากษาพื้นที่ตกเป็นของอุทยานฯ ต่อมา เดือน ก.พ.2556 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยพร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่
ต่อมา เมื่อเดือน ธ.ค.2556 นายชวน นำเอกสาร ส.ค.1 มายื่นขอความเป็นธรรมต่อศาล แต่ศาลจังหวัดกระบี่ พิจารณาแล้วให้ปฏิบัติตามศาลฎีกา กระทั่งวันที่ 20 ก.พ.2557 นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยนั้น ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. และ ตชด.กว่า 500 นาย เข้ารื้อถอนที่พัก ร้านอาหาร ชื่อปอดะ ไอแลนด์ และรีสอร์ต รวมจำนวน 36 หลัง บนพื้นที่เกาะปอดะ
จนกระทั่งนายชวน นำ ส.ค.1 อีกฉบับ บนเกาะปอดะ ที่ทางอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ยื่นคัดค้านการออกเอกสารสิทธิครอบครองไว้แล้ว มายื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก ในคดีแพ่งดังกล่าว หมายเลขดำที่ 115/2558 หมายเลขแดงที่ 525/60 ของศาลจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2558 เรื่องฟ้องขับไล่และสิทธิครอบครอง เรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท โดยนำ ส.ค.1 หมายเลข 1 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 71 ไร่ ที่ได้มีการทำประโยชน์บนเกาะปอดะมาก่อนปี พ.ศ.2495 เป็นหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินบนเกาะปอดะ
และศาลชั้นต้นจังหวัดกระบี่ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.60 ให้นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นฝ่ายชนะคดี โดยให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และให้ออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้ให้ค่าเสียหายตามฟ้อง
หลังจากนั้น กรมอุทยานฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล และต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษากลับ ให้นายชวน ภูเก้าล้วน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน
ล่าสุด วันนี้ (10 ก.ย.) ศาลฎีกาได้นัดโจทก์ และจำเลยมาฟังคำพิพากษาในคดี บุกรุกครอบครองเกาะปอดะ ที่บัลลังก์ 3 ศาลจังหวัดกระบี่ ศาลได้อ่านคำพิพากษาในคดี กรมอุทยนแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชวน ภูเก้าล้วน ในข้อบุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 22 ไร่ ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) โดยศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำเลยมีความความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นความผิดไม่ได้รุนแรง จึงแก้คำพิพากษาให้รอลงอาญา 2 ปี ให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 30 ชม. พร้อมชำระค่าปรับเป็นเงิน 80,000 บาท พร้อมให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่
เป็นการปิดฉากคดีประวัติศาสตร์ ที่มีการต่อสู้กันมายาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างกรมอุทยาน และนายชวน ภูเก้าล้วน ถึงวันนี้คนที่จะเข้าไปดูแลบริหารจัดการ “เกาะปอดะ” ก็ตกเป็นของกรมอุทยานฯ ส่วนแนวทางการพัฒนาปรับปรุง “เกาะปอดะ” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้สิทธิในการครอบครองแล้ว
สำหรับคดีฟ้องร้องระหว่างกรมอุทยานฯ และนายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และเจ้าของโรงแรมชื่อดังในกระบี่ คดีบุกรุกที่ดินบนเกาะปอดะ จ.กระบี่ คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2528 กรมอุทยานฯ ฟ้องร้อง นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด พร้อมบริวารเป็นคดีอาญา ข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่อุทยานฯ และมีการต่อสู้คดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ จนนำไปสู่การเพิกถอนหนังสือการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 ก. ของนายชวนรวม 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 71 ไร่ และเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2554 ศาลฎีกามีคำพิพากษาพื้นที่ตกเป็นของอุทยานฯ ต่อมา เดือน ก.พ.2556 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยพร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่
ต่อมา เมื่อเดือน ธ.ค.2556 นายชวน นำเอกสาร ส.ค.1 มายื่นขอความเป็นธรรมต่อศาล แต่ศาลจังหวัดกระบี่ พิจารณาแล้วให้ปฏิบัติตามศาลฎีกา กระทั่งวันที่ 20 ก.พ.2557 นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยนั้น ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. และ ตชด.กว่า 500 นาย เข้ารื้อถอนที่พัก ร้านอาหาร ชื่อปอดะ ไอแลนด์ และรีสอร์ต รวมจำนวน 36 หลัง บนพื้นที่เกาะปอดะ
จนกระทั่งนายชวน นำ ส.ค.1 อีกฉบับ บนเกาะปอดะ ที่ทางอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ยื่นคัดค้านการออกเอกสารสิทธิครอบครองไว้แล้ว มายื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก ในคดีแพ่งดังกล่าว หมายเลขดำที่ 115/2558 หมายเลขแดงที่ 525/60 ของศาลจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2558 เรื่องฟ้องขับไล่และสิทธิครอบครอง เรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท โดยนำ ส.ค.1 หมายเลข 1 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 71 ไร่ ที่ได้มีการทำประโยชน์บนเกาะปอดะมาก่อนปี พ.ศ.2495 เป็นหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินบนเกาะปอดะ
และศาลชั้นต้นจังหวัดกระบี่ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.60 ให้นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นฝ่ายชนะคดี โดยให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และให้ออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้ให้ค่าเสียหายตามฟ้อง
หลังจากนั้น กรมอุทยานฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล และต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษากลับ ให้นายชวน ภูเก้าล้วน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน
ล่าสุด วันนี้ (10 ก.ย.) ศาลฎีกาได้นัดโจทก์ และจำเลยมาฟังคำพิพากษาในคดี บุกรุกครอบครองเกาะปอดะ ที่บัลลังก์ 3 ศาลจังหวัดกระบี่ ศาลได้อ่านคำพิพากษาในคดี กรมอุทยนแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชวน ภูเก้าล้วน ในข้อบุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 22 ไร่ ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) โดยศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำเลยมีความความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นความผิดไม่ได้รุนแรง จึงแก้คำพิพากษาให้รอลงอาญา 2 ปี ให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 30 ชม. พร้อมชำระค่าปรับเป็นเงิน 80,000 บาท พร้อมให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่
เป็นการปิดฉากคดีประวัติศาสตร์ ที่มีการต่อสู้กันมายาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างกรมอุทยาน และนายชวน ภูเก้าล้วน ถึงวันนี้คนที่จะเข้าไปดูแลบริหารจัดการ “เกาะปอดะ” ก็ตกเป็นของกรมอุทยานฯ ส่วนแนวทางการพัฒนาปรับปรุง “เกาะปอดะ” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้สิทธิในการครอบครองแล้ว