นครศรีธรรมราช - อธิบดีกรมอุทยานฯ ยอมรับการระบายน้ำจากป่าพรุก่อให้เกิดปัญหาตามมาเป็นลูกโซ่ นักวิชาการเร่งวิจัยแก้ปัญหา ส่งรายงานให้แล้ว แต่มีข้อท้วงติงจากสำนักนโยบายและแผนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จากกรณีที่ป่าพรุควนเคร็งเกิดวิกฤตไฟป่าจนทำให้เกิดสภาพความแห้งแล้งนั้น ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ย.) จากภาพทางอากาศจุดที่ไม่เกิดไฟป่า ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ช่วงรอยต่อระหว่าง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด และ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ก็เกิดความแห้งแล้งอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการขุดคลองซอยระบายน้ำพาดผ่านป่าพรุ ทำให้เกิดการสะเด็ดน้ำจากพื้นที่ ซึ่งเดิมเป็นป่าชุ่มน้ำ กลับกลายเป็นป่าพรุที่ขาดน้ำไปโดยปริยาย น้ำไหลมารวมกันในคลองซอยระบายออกนอกพื้นที่ป่า ซึ่งมีการมองกันว่า การระบายน้ำออกนอกพื้นที่อาจแฝงเพื่อเกษตรกรรมรอบพื้นที่ป่า และอีกนัยคือ การลดทอนความชุ่มน้ำของป่าพรุให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ยอมรับว่า การระบายน้ำออกจากป่าพรุเป็นปัญหาสำคัญ ขณะนี้น้ำลดลงมาก ยิ่งแห้งแล้งยิ่งทำให้ระดับน้ำลดลงยิ่งส่งผลกระทบ เมื่อเกิดไฟทำให้การควบคุมเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าพรุชุ่มน้ำ ไฟเกิดได้ยาก มีมหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการศึกษาวิจัยการบริหารจัดการป่าพรุได้ส่งข้อมูลมาแล้ว และส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่ง สผ.ได้มีข้อท้วงติงกลับมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการแก้ไขและจะได้ส่งกลับไปอีกครั้ง
“ส่วนคันคูนั้นยอมรับว่าเป็นการขุดเพื่อสร้างแนวเขตป่าพรุป้องกันการบุกรุก แต่ได้ทำแพรกคลองเพื่อให้น้ำไหลเข้าไปได้ นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องดำเนินการคือการระดมทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน กรมอุทยานฯ เองต้องเร่งให้น้ำกลับมาในป่าพรุเรื่องของการสร้างแพรกเพื่อรองรับน้ำ หรือการขุดอ่างพวงในพื้นที่ป่าพรุ หรือการขุดสร้างแหล่งน้ำแบบกระจายเมื่อเกิดไฟคุมได้อย่างรวดเร็ว” นายธัญญา กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าในพื้นที่พรุควนเคร็ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการลงพื้นที่ตลอดช่วงเกิดเหตุการณ์นั้นค่อนช้างชัดเจนว่า มีการลอบเผาโดยกลุ่มบุคคลใด หนึ่งในนั้นคือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ายึดคืนจากการบุกรุกแผ้วถาง เจตนาในการเผาคือการตอบโต้เจ้าหน้าที่ ซึ่งในการข่าวนั้นเจ้าหน้าที่ต่างทราบดีแต่ไม่มีพยานหลักฐานในการเอาผิดได้