ตรัง - ชาวสวนปาล์มใน ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ใช้พื้นที่มาต่อยอดเลี้ยง “ชันโรง” หรือผึ้งจิ๋ว จนสามารถเก็บน้ำหวานมาขายได้ราคาดี กก.ละ 1,500-2,000 บาท เนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยามากกว่าน้ำผึ้ง
นายจิรวุฒิ วงศ์เทพวณิชย์ อายุ 46 ปี ได้นำสวนปาล์มน้ำมันของตนเอง ภายในพื้นที่หมู่ 8 บ้านท่าข้ามตก ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มาต่อยอดเลี้ยงชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว ซึ่งเดิมเป็นแมลงรำคาญ และชาวบ้านมักแก้ปัญหาด้วยการใช้ยาฉีดทำลาย เนื่องจากคิดว่าไม่มีประโยชน์ กระทั่งมีผู้รู้เข้ามาแนะนำ และเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง จนกลายเป็นฟาร์มผึ้งชันโรง จำนวนประมาณ 140 กล่องแล้ว เพื่อต้องการเปิดให้เป็นศูนย์เรียนรู้แก่เกษตรกร และพัฒนาจากแมลงรำคาญ แต่ไม่มีอันตรายชนิดนี้ มาเป็นแมลงที่มีทั้งคุณค่า และมูลค่า
“ชันโรง” คือผึ้งชนิดหนึ่งที่ไม่มีเหล็กใน และมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งเดิมจะอยู่ตามโพรงไม้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อมีการตัดไม้ทำลายป่ากันเยอะ ชันโรงจึงย้ายมาอาศัยตามบ้านเรือน กระทั่งได้ประยุกต์ด้วยการนำชันโรงมาเลี้ยงในกล่อง ในกระบอกไม้ไผ่ หรือในกระถางดอกไม้ โดยการใช้สารฟีโรโมน ช่วยดึงดูดให้ชันโรงเข้ามาอยู่ในที่ที่ชาวบ้านจัดไว้ เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากตัวชันโรง ซึ่งเชื่อกันว่า มีสรรพคุณทางยามากกว่าน้ำผึ้งปกติถึง 30 เท่า แถมยังช่วยบำรุงตับ ไต และยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง รวมทั้งช่วยรักษา และสมานแผลได้อีกด้วย
สำหรับชันโรงที่เลี้ยง สามารถขายได้ทั้งกล่อง และสายพันธุ์ รวมทั้งน้ำหวาน ขณะที่วิธีการเลี้ยงก็ง่าย อีกทั้งถ้าตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งอาหาร จะเก็บน้ำหวานได้แทบทุกเดือน ซึ่งรสชาติที่ออกมาจะมีทั้งเปรี้ยว หวาน ขม เค็ม ขึ้นอยู่ตามแต่ละสายพันธุ์ ทั้งนี้ จะสามารถเก็บน้ำหวานได้ครั้งละ 2 กิโลกรัมต่อรัง และสร้างรายได้ดีกิโลกรัมละ 1,500-2,000 บาท ซึ่งขณะนี้ผลผลิตที่ออกมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยส่วนใหญ่หรือ 95 เปอร์เซ็นต์ จะอยู่ในตลาดออนไลน์ รวมทั้งยังมีการเปิดเพจ และเปิดคอร์สอบรมให้แก่เกษตรกรที่สนใจด้วย