xs
xsm
sm
md
lg

จัดทำแผนแม่บทพัฒนาป่าตอง สู่เมือง Smart Growth

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เทศบาลเมืองป่าตองเตรียมจัดทำมาสเตอร์แพลนหรือแผนแม่บทพัฒนาเมืองป่าตอง หวังพัฒนาให้ป่าตองเป็นเมืองชาญฉลาด (smart Growth) เป็นเมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว อย่างยั่งยืนในอนาคต

นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาเมืองป่าตองในอนาคตอันใกล้นี้ ว่า เทศบาลเมืองป่าตองได้ใช้งบประมาณเหลือจ่ายปี 2562 ว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนแม่บท หรือ มาสเตอร์แพลน การพัฒนาเมืองป่าตองในอนาคต เพื่อให้การพัฒนาเมืองป่าตองเป็นไปอย่างชาญฉลาด หรือ Smart Growth โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหาผู้รับจ้างมาศึกษาออกแบบ เพื่อที่จะนำมาสเตอร์แพลนดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการพัฒนาเมืองป่าตองต่อไปในอนาคตอย่างมีแบบแผนไม่สะเปะสะปะเหมือนที่ผ่านมา

นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวต่อว่า ทำไมเทศบาลเมืองป่าตองถึงต้องจัดทำแผนแม่บท เพราะคิดว่าที่ผ่านมาการพัฒนาป่าตองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เปลี่ยนจากชนบทมาเป็นเมือง การก่อสร้าง การพัฒนา โดยภาคเอกชนเป็นหลัก ฉะนั้นไม่มีใครที่จะไปคุมใครได้ว่าต้องเป็นรูปลักษณ์ หน้าตาของเมืองจะต้องเป็นแบบไหน เพียงแต่ไม่ทำผิดกฎหมายที่บังคับใช้ในขณะนั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าทุกวันนี้ ป่าตองต้องเจอกับปัญหามากมายที่เกิดจากการพัฒนาเมืองที่ไม่ได้มีการวางแผน เช่น
 
เมื่อก่อนเมื่อฝนตกก็เกิดปัญหาน้ำท่วม การจราจรติดขัด ซึ่งปัญหาหลายๆอย่างเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มีการวางผังอย่างชัดเจน เพราะหากมีการวางผังที่ดี คงมีถนน คูคลอง ที่เพียงพอกับการระบายน้ำ การก่อสร้างต้องไม่ดักทางไหลของน้ำ และเราต้องยอมรับว่า การพัฒนาเมืองท่องเที่ยวในปัจจุบัน รูปลักษณ์ของเมืองเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย

ทางผู้บริหารเมืองป่าตองจึงมองว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการออกแบบเมืองใหม่ โดยใช้หลักการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาด หรือ Smart Growth ซึ่งกำลังใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน การพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาด หมายถึงการออกแบบเมืองจะต้องตอบสนองคนที่อยู่ในเมืองทั้งหมด เช่น เมืองป่าตองในพื้นที่ 54 ตารางกิโลเมตร เราพยายามที่จะไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด วันนี้เราบอกต้องทำถนนเพิ่มเพื่อไม่ให้การจราจรติดขัด ไม่สามารถที่จะแก้ไม่ได้ด้วยวิธีการตัดถนนเพิ่ม ฉะนั้นเราต้องออกแบบเมืองให้สามารถสัญจรกันได้ทั่วถึง หมายความว่า ทางเท้าถนนต้องต่อเนื่องกันได้ เพื่อให้คนเดินได้สะดวกไม่ต้องใช้รถในเมือง จึงสามารถลดการจราจรได้ ผิดกับเมื่อก่อนถ้ารถติดก็ตัดเพิ่มถนน ซึ่งป่าตองไม่มีที่ตัดทำถนนเพิ่มแล้ว

ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนแนวคิด เป็นการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาด ต้องเอาทุกอย่างให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ผิดกับการพัฒนาเมืองเมื่อก่อน เอาศูนย์ราชการไปไว้แต่ศูนย์ราชการ อุตสาหกรรมไปไว้แต่อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยก็ไว้แต่ที่อยู่อาศัย พอเช้าขึ้นมาทุกคนต้องทำงานก็ต้องไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับบ้านก็ ทำให้เกิดการจราจรหนาแน่นขึ้น แต่ถ้าเราออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาดให้มีที่อยู่ที่เหมาะสมให้มีย่านการค้าที่เหมาะสม ให้มีสถานที่ราชการที่เหมาะสม สามารถเดินไปได้ในระยะเวลาหรือระยะทางที่ไม่มากเกินไป ก็จะลดการใช้รถ ลดการจราจรที่แออัด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับเมืองได้

“เพราะฉะนั้นคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องออกแบบเมืองโดยใช้หลักคิดใหม่มาพัฒนาเมือง ประกอบกับทางเทศบาลมีแนวคิดที่จะพัฒนาเมืองป่าตองให้เป็นเมืองไมซ์ด้วย เพื่อแก้เศรษฐกิจช่วงกรีนซีซั่นที่นักท่องเที่ยวน้อย ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ประกอบกับทางเทศบาลได้ขอปรับผังเมืองด้วย เนื่องจากเมื่อได้เข้ามาพัฒนาเมืองแล้วทำให้มองเห็นปัญหาติดขัดเรื่องผังเมืองที่ไม่สามารถจะพัฒนาเมืองอย่างนโยบายที่วางไว้ได้ อาคารสูงขึ้นไม่ได้ อาคารใหญ่พิเศษก็สร้างไม่ได้ จึงขอแก้ผังเมืองให้ความสูงเพิ่มขึ้นจาก 23 เมตร เป็น 60 เมตร” น.ส.เฉลิมลักษณ์ กล่าวและว่า

สำหรับมาสเตอร์แปลน ที่จะทำการศึกษาออกแบบนั้น เป็นเหมือนตัวอย่างเบื้องต้นที่จะทำให้เห็นภาพลักษณ์ของเมืองในอนาคตที่จะพัฒนาว่าจะออกมาหน้าตาอย่างไร ทำให้ภาครัฐ เอกชน เห็นแนวทางการพัฒนา เช่น เราอยากได้ถนนเส้นนี้เป็นย่านถนนคนเดิน การออกแบบอาคารควรจะเสมอกันเพื่อให้เดินง่าย คล้ายๆเหมือนเป็นไกด์ไลน์ให้กับผู้บริหารเมืองด้วย ส่วนหน้าตาของเมืองจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาและความต้องการของชาวป่าตอง เพราะเมื่อมีการศึกษาแล้ว จะต้องนำผลการศึกษามานำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากคนป่าตองว่าต้องการให้เมืองป่าตองออกมาเป็นอย่างไร

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า เมืองป่าตองเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลทีมีกลิ่นอายของความเป็นภูเก็ต และเอกลักษณ์ของภูเก็ต เพราะเชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกคงไม่อยากมาดูอะไรที่ภูเก็ตเหมือนบ้านเขา เขาก็อยากมีประสบการณ์อะไรที่แตกต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วคงต้องใช้หลักทางวิชาการ และสุดท้ายแม้ตนอยากเห็นอะไรก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นอย่างที่ตนอยากเห็นคนเดียว ต้องฟังคนทั้งป่าตอง ที่จะต้องช่วยกันระดมความคิดเห็นว่า เมืองป่าตองในอนาคต หน้าตาควรจะเป็นอย่างไร โดยอาศัยหลักวิชาการของนักวิชาการมาช่วย


กำลังโหลดความคิดเห็น