สตูล - ชาวเลอุรักลาโว้ยเข้าร้องขอความเป็นธรรม จากกรณีพบว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ใช้เอกสารเป็นเท็จยึดที่ดินและยัดข้อหาบุกรุกทั้งที่พวกตนอยู่มาก่อน
วันนี้ (2 ก.ย.) ชาวเลอูรักลาโว้ยบนเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ได้นั่งเรือสปีคโบ๊ทมาจากเกาะหลีเป๊ะและหอบหิ้วเอกสารมายังที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ประมาณเกือบ 20 กว่าคน ทั้งชาวเลอูรักลาโว้ย (ชาวบ้านที่ถูกข้อพิพาทเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัยกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา) และผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะที่ถูกฟ้องดำเนินคดี
ซึ่งการขึ้นฝั่งมาครั้งนี้ ต้องการมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมช่วยตรวจสอบเอกสารในครั้งนั้น ทางอุทยานฯ ได้หานำภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศมีเป็นข้อมูลทางเอกสารยันเอาผิดผู้บุกรุกที่ดินบนเกาะ และดำเนินคดีกับชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะ บางรายต้องถูกศาลตัดสินยึดที่ดินคืน จนล่าสุดทางชาวเลและผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะบางรายเสาะหาข้อมูลดังกล่าว พบว่าเอกสารที่ใช้ดำเนินการเอาผิดนั้นมีพิรุธเป็นเท็จ จึงเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อไป
โดยมี นายสัญญา สิริฮัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เกาะหลีเป๊ะ เป็นตัวแทนชาวบ้านพร้อมกับ นายนรินทร์ หาญทะเล ชาวเลอูรักโว้ย เป็นหนึ่งคนบนเกาะหลีเป๊ะที่ถูกคดีความเอาผิดฐาน บุกรุกที่ดินอุทยานฯ ถึง 12 คดี ก็ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมเช่นกัน
ด้านนายสัญญา สิริฮัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า ชาวเลอูรักลาโว้ยหรือชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย ได้มาร้องขอความเป็นธรรมผ่านตนเอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านบนเกาะหลีเป๊ะ ในกรณีเรื่องที่ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาได้ดำเนินคดี ข้อพิพาททางที่ดินที่อยู่อาศัย ระหว่างชาวบ้านเลกับที่ดินของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาฯ โดยพบว่า ภาพถ่ายทางอากาศมีพิรุธ และอ้างถึงหน่วยงานทหารอากาศและมีการตรวจสอบว่าไม่ใช้เอกสารจริง
จึงต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหา ที่ก่อนหน้านี้ทางอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตาได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับชาวเลที่อาศัยอยู่ทำกินบนเกาะในทางกฎหมาย และต้องการขอความเป็นธรรม โดยยื่นหนังสือฝากไปถึงทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ผ่านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา เพื่อช่วยตรวจสอบการแอบอ้างเอกสารภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศว่าความจริงเป็นอย่างไร
ด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 กล่าวอีกว่า ซึ่งวันนี้มีชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะที่มาวันนี้เกือบ 20 รายขึ้นมาร้องและยื่นหนังสือในเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ใช้ภาพถ่ายทางอากาศเป็นเท็จมาดำเนินคดีอาญาและคดีปกครอง โดยอ้างว่า อุทยานแห่งชาติตะรุเตาใช้ภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ. 2556 เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีอาญาและคดีปกครอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึง 2560
โดยทำให้ชาวเลหรือชาวบ้าน รวมทั้งผู้ประกอบการได้รับทราบว่า มีหนังสือจากกรมแผนที่ทหารอ้างว่า มีความสำคัญว่าในปี พ.ศ.2556 ไม่มีการถ่ายภาพทางอากาศบริเวณเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เนื่องจากกรมแผนที่ทหารไม่ได้ถ่ายภาพถ่ายทางอากาศบริเวณเกาะหลีเป๊ะในปี พ.ศ.2556 ดังนั้นการที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตานำภาพถ่ายทางอากาศปี 2556 และ ภาพถ่ายดาวเทียมปี 2556 ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการถ่ายภาพไว้ ซึ่งทางอุทยานฯ ได้นำมาแปรสภาพร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินประกอบการกล่าวหามาดำเนินคดีกับชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ
นายสัญญา สิริฮัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 กล่าวอีกว่า ดังนั้นพบว่าเอกสารที่ทางอุทยานแห่งชาติตะรุเตานำมาใช้เป็นหลักฐานอันเป็นเท็จมาดำเนินคดีกับชาวบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย วันนี้จึงได้มายื่นหนังสือ 2 แห่งที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จากนั้นเดินทางไปจุดที่ 2 ที่หน้าสำนักงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล ศาลากลางจังหวัดสตูล เพื่อช่วยตรวจข้อเท็จจริงและความเป็นธรรมต่อชาวเลและผู้ประกอบการที่ถูกกฎหมายตัดสินว่าผิด
นายนรินทร์ หาญทะเล ชาวเลอูรักโว้ยที่ถูกทางอุทยานฯ กล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่อุทยานและโดนดำเนินคดีทั้งสิ้น 12 คดี มีที่ดินทั้งหมดกว่า 50 ไร่ ที่เป็นข้อกล่าวหาเดียวกันหมด ได้เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้มาเป็นหนึ่งการมาร่วมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ระหว่างชาวเลที่เดือดร้อนเรื่องข้อพิพาทที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะกับทางอุทยานฯ
ในส่วนที่ดินที่อยู่อาศัยของตนเองก็โดนทางอุทยานฯ แจ้งว่าได้บุกพื้นที่ของอุทยานฯ ในข้อกล่าวหา ก่อสร้างแผ่วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือ และอีกหนึ่งข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ทำให้ทุกวันตลอดระยะเวลาที่โดนกฎหมายฟ้องว่าตนเองผิดมาเป็นเวลามากกว่า 15 ปีจนถึงปัจจุบันนี้
นายนรินทร์ กล่าวอีกว่า เมื่อเรารับรู้ว่าการตรวจสอบแจ้งข้อทำผิดโทษที่พวกเรานั้น คือการแจ้งแบบผิดๆ เพราะพบว่าเอกสารดังกล่าวที่นำมาดำเนินคดีกับตนเองและเพื่อนมีพิรุธไม่เป็นธรรม จึงของให้ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูลรื้อฟื้นคดีออกมาตรวจสอบอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาหลังถูกคดีความต้องขึ้นมารายงานที่สำนักงานอัยการเดือนละ 4 ครั้งหมดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก ทุกวันสู้เพราะคิดเสมอว่าเราไม่ได้บุกรุกที่ดินของอุทยานแน่นอน
นางศิริโชติ ใจกระจ่าง อายุ 61 ปี ผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะที่โดนดำเนินคดีข้อพิพาทกับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า ก็มาร่วมกับทางด้านชาวเลและผู้เดือดร้อนเช่นกัน เพราะตนเองไม่ใช้ชาวบ้านแต่เป็นผู้ประกอบการที่มาซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านบนเกาะ ตนเองซื้อมาจากชาวบ้านบนเกาะถูกต้องตามกฎหมายมีเอกสาร สก.1 เนื้อที่ 2 ไร่ได้ทำรีสอร์ต ชื่อว่าปลาวาฬบนเกาะหลีเป๊ะ จนปัจจุบันนี้ถูกดำเนินคดีบุกรุก จึงได้มาร่วมเป็นหนึ่งในการขอความเป็นธรรมต่อตนเองเช่นกัน ตอนนี้เรามีความหวังว่าจะได้ความเป็นธรรมในการคืนพื้นที่ดินกลับมาอย่างถูกต้อง เราไม่ได้บุกรุกใคร
ด้านนายกิติพงศ์ สงนุ้ย นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า ขอตรวจสอบเอกสารก่อนแล้วส่งให้สำนักที่ 5 และส่งให้กรมอุทยานฯ ต่อไป ขั้นตอนต่อไปต้องตรวจสอบเอกสารก่อน 1 อาทิตย์
และในวันเดียวกันนั้นชาวเลและผู้ประกอบการ ได้นำเอกสารชุดเดียวกันเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรราจังหวัดสตูลอีกแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยตรวจสอบอีกหน่วยงานหนึ่งด้วย