ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ย้ายด่วนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด เซ่นยึดไม้เถื่อนแก๊งพระเจ้าคณะปกครองสงฆ์ เจ้าตัวรับถูกโยกย้ายจริงและถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่คดียังไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (2 ก.ย.) ทีมข่าวเฉพาะกิจรายงานว่า นายไพบูลย์ นาคทิพย์พิมานต์ นายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช นำนายเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด อ.สิชล นำข้อมูลการตรวจยึดไม้เถื่อนรายใหญ่มีไม้หวงห้ามขาดใหญ่กว่า 30 ท่อนถูกโค่นในพื้นที่บ้านร่องท้ายน้ำร้อน รอยต่อหมู่ที่ 7 ต.เขาน้อย และหมู่ที่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล เพื่อเข้ารายงานชี้แจงต่อ นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการตรวจยึดไม้เถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่อยู่ระหว่างร่อยต่อของป่าสงวนแห่งชาติป่ายางโพรง และป่าเขาใหญ่ และเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีดจุดเกิดเหตุผ่อนปรนเป็นที่ทำกินตามมติ ครม. 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ นายสมพร สุทธิพันธ์ อายุ 71 ปี ชาวตำบลฉลอง อำเภอสิชล
โดยนายสมพร ได้นำตรวจที่เกิดเหตุและทำการตรวจยึดไม้ทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยระบุในบันทึกการตรวจยึดอย่างชัดเจนว่ามีพระสงฆ์ชั้นเจ้าคณะปกครองเป็นผู้ดำเนินการนำคนงานเข้ามาตัดโค่น และบรรทุกออกไปจากพื้นที่ไปเก็บที่วัดที่พระเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งต่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจยึดไว้ได้จำนวน 3 ท่อนภายในวัดที่พระสงฆ์เจ้าคณะปกครองรายนี้เป็นเจ้าอาวาส
โดยหลังจากการตรวจยึด เจ้าหน้าที่ได้นำความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เกียรติก้อง หนูจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.สิชล เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้กลับพบว่าคดียังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ไม้ของกลางเจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเคลื่อนย้าย โดยไม้ทุกท่อนได้ถูกตีตราประทับตรวจยึดไว้เรียบร้อย เช่นเดียวกับท่อนซุงอีก 3 ท่อนที่ถูกยึดไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา ซึ่งถูกตีตราตรวจยึดแล้วเช่นกัน
และมีรายงานว่าหลังจากที่ นายเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด ได้ตรวจยึดไม้เถื่อนจำนวนมากรายนี้แล้ว กลับมีคำสั่งจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ให้ย้าย นายเทอดไท ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด มาประจำที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 โดยให้ข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 รายหนึ่งไปดำรงตำแหน่งแทนแล้ว ทั้งยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติรายนี้ แม้ว่าจะมีการปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างชัดเจน ขณะที่ข้าราชการหน่วยงานข้างเคียงที่เกี่ยวข้องต่างคาดไม่ถึงว่าจะมีคำสั่งนี้เกิดขึ้น แม้ว่าการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องแต่กลับมีคำสั่งโยกย้ายแบบเร่งด่วนโดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลใดๆ
ขณะที่ชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่เกิดเหตุได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ที่เข้ามาดำเนินการตัดไม้นั้นมีพระสงฆ์ที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในพื้นที่อย่างน้อย 2 รูปเข้ามาดำเนินการ และทราบว่ามีการบันทึกภาพไว้ได้ แต่ได้ถูกพระสงฆ์ระดับชั้นปกครองสั่งให้ลบภาพทิ้ง ทำแบบไม่รับผิดชอบเลย อ้างว่าเคลียร์เจ้าหน้าที่หมดแล้ว ตอนนี้ทราบว่าโยนความผิดให้เจ้าของที่ว่าเป็นคนตัดไม้ไปให้ ทั้งที่พวกเขามาทำเอง
“ผมเห็นและได้ยินเสียงเลื่อยไม้ตลอด เขารีบมากช่วงที่อยู่ในพื้นที่ตัดไม้ รีบเหมือนจะผลัดจีวรแล้วใส่กางเกงมาทำเอง รถบรรทุกที่นำมาบรรทุกใช้รถของวัดติดชื่อวัดเรียบร้อย ส่วนเครนที่มายกซุงนั้นทราบว่าจ้างบริษัทเครนมายก” ชาวบ้านรายนี้กล่าว
ด้านนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวภายหลังหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด และนายอำเภอสิชล นายอำเภอท้องที่เกิดเหตุเข้ารายงานการตรวจยึด โดยได้ระบุถึงผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องว่ามีใครบ้างอย่างไร ซึ่งทั้งหมดมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนการโยกย้าย นายเทอดไท นั้นเห็นว่าอาจมีการโยกย้ายตามปกติ ในช่วงสิ้นปีคงไม่มีอะไรมาก
ขณะที่นายเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด กล่าวเพียงว่า การตรวจยึดไม้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามรายละเอียดที่ปรากฏแล้ว ส่วนการโยกย้ายนั้นทราบว่ามีคำสั่งโยกย้าย แต่ยังไม่เห็นเอกสารอย่างเป็นทางการ และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ในขณะนี้ เนื่องจากการโยกย้ายเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา แต่ยืนว่าการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่อุทยานแต่มีผู้ครอบครองตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 ผู้ครอบครองทำสวนผลไม้ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินคดี มีรายงานหลังจากที่เจ้าหน้าที่อุทยานได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว ปรากฏว่าคดียังไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำ และยังไม่มีการสรุปสำนวนและแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหารายใด ทำให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่เข้าปฏิบัติงานเกรงว่าจะมีการวิ่งเต้นคดีเกิดขึ้นได้ และก่อให้เกิดการโยกย้ายหัวหน้าอุทยานอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเป็นพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งทางปกครอง