ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม นำเยาวชนชายพร้อมมารดา เข้าร้องทุกข์เอาเรื่องกับ “นายตำรวจยะลา” มือปราบปรามยาเสพติด อ้างใช้วิธี “ช็อตไฟฟ้า” ซ้อมทรมานตามร่างกาย หวังขยายผลล่อซื้อต่อคนนำยามาส่งให้จำหน่าย
นางบุษยมาส อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้นำเยาวชนพร้อมมารดาในฐานะเจ้าทุกข์ ร่วมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อหัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองยะลา ในพื้นที่ จ.ยะลา ถึงการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของตำรวจชุดสืบสวน ภจว.ยะลา ภายใต้การดูแลของ “พันตำรวจโท พ.” หัวหน้าชุดสืบสวนดังกล่าว
โดยญาติและเยาวชน กล่าวถึงพฤติกรรมการลงมือทำร้ายร่างกายเยาวชน หรือชาวบ้านทั่วไป เมื่อถูกจับกุมตัวในข้อหายาเสพติด เพื่อขยายผลการปฏิบัติงานอย่างลุแกอำนาจตลอดมา ครั้งนี้ไม่ใช่เคสแรก ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ และได้นำเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมเมืองยะลา โดย ป.หมู่ สันติ เป็นผู้รับเรื่อง และจบลงเมื่อ “พันตำรวจโท พ.” ได้เข้ามาเจรจายอมไกล่เกลี่ย จ่ายเยียวยาค่ารักษาพยาบาลบาดแผลตามร่างกายต่อผู้ถูกทำร้ายร่างกาย ด้วยการซ้อมทรมานสารพัดวิธี โดยเฉพาะการ “ช็อตไฟฟ้า” และก่อนหน้านี้ได้เคยร้องขอให้ทบทวนการกระทำเพื่อการขยายผล ด้วยวิธีการทำให้ผู้ถูกจับได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งๆ ที่ถูกดำเนินคดีกันอยู่แล้ว ซึ่งผู้ที่ถูกจับในความผิดติดคุกทุกราย แต่ถูกทำร้ายร่างกายเพื่อการขยายผลอันตรายที่สุด
ต่อมาจึงได้นำเยาวชนที่ถูกจับ พร้อมกับมารดา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ทางคดี เพื่อส่งต่อไปยัง ป.ป.ท.ภาค 9 ในการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “ส.ต.อ.” นายหนึ่ง ก่อนนำเยาวชนเข้ากระบวนการสอบปากคำจากทีมสหวิชาชีพ ยังสำนักงานอัยการจังหวัดยะลา ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ได้มีความพยายามขอไกล่เกลี่ยจากทางหัวหน้าชุดคนเดิม เพื่อจ่ายค่าเยียวยาแล้ว แต่ทางมารดาและเยาวชนไม่ยินยอม
นางบุษยมาส อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา มีผลงานจำนวนมาก เราขอชื่นชมท่าน แต่การทำร้ายร่างกายเยาวชน เพื่อสนองต่อผลงานท่าน เรารับกันไม่ได้ มีทั้งเยาวชน และชาวบ้านหลายคนพร้อมให้ข้อมูล ส่วน “พันตำรวจโท พ.” ท่านมีหมาย ป.ป.ส. มีอำนาจควบคุมตัวผู้ถูกจับกระทำความผิดในคดียาเสพติด 3 วัน ท่านสามารถควบคุมตัวเด็กเล็กไม่ส่งมอบให้ผู้ปกครองเขาได้อย่างไร เห็นได้จากในใบบันทึกจับกุม มีตำแหน่ง “พันตำรวจโท พ.” พร้อมตำแหน่งหมายเลขเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.
ส่วนเยาวชนชายคนที่เข้าแจ้งความ ได้เปิดเผยด้วยว่า ถูกจับในพื้นที่บันนังสตา (บ้านภรรยา) และได้นำตัวพร้อมกับภรรยาอายุ 18 ปี บุตรสาว 1 ขวบ และหลานสาวภรรยาวัย 6 ขวบ มายังแฟลตตำรวจ ด้านหลัง ภจว.ยะลา เพื่อสอบขยายผล ทั้งที่ถูกจับยาไปแล้ว เพื่อให้ไปล่อซื้อต่อคนที่นำยามาส่งให้จำหน่าย เมื่อปฏิเสธก็โดนตบหัว ชกหน้าท้อง ชกทรวงอกเพื่อให้ยินยอมพาไปชี้ว่ารับยามาจากใคร และในขณะลงมือทำได้ควบคุมตัวภรรยา และลูกไว้ด้วยตลอดเวลา
จนกระทั่งพาไปยังเซฟเฮาส์ ตึกแถวในตลาดเมืองใหม่ จับแยกนำภรรยากับลูกเล็กไปก่อน และนำตัวตนไปทีหลัง เพื่อซ้อมทรมานให้พาไปหาคนที่นำยามาให้ ซึ่งในกรณีของตนรับมาจากพื้นที่บันนังสตา ไม่สามารถหาได้ในพื้นที่เมืองยะลา ตำรวจที่ลงมือข่มขู่ตลอดเวลาว่าจะจับภรรยาของตนร่วมด้วยหากไม่ยอม ทั้งที่ตนได้รับว่าเป็นผู้ครอบครองยาเสพติดทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ทางชุดสืบได้นำตัวตนไปส่งให้ร้อยเวร สภ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 62 และร้อยเวรได้นำตัวส่งสถานพินิจฯ ในวันที่ 21 ส.ค. 62 ช่วงบ่าย
ตนจึงติดต่อมารดาเพื่อแจ้งเรื่อง และให้ร้องขอมาประกันตัว เพื่อออกไปรับการรักษาพยาบาลจากอาการบาดเจ็บทรวงอก ช้ำใน และนำตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว ต่อมาหลังจากนั้นภายในวันที่ 22 ส.ค. 62 แต่คู่กรณีมาขอไกล่เกลี่ยบน สภ.เมืองยะลา โดย “พันตำรวจโท พ.” ทำให้มารดากลัว แล้วขอกลับบ้านก่อน และได้มาหา นางบุษยมาส ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม เพื่อนำเข้าแจ้งความใหม่อีกครั้งในวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ในเวลา 15.00 น.
นางบุษยมาส ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม ได้เปิดเผยชื่อบุคคลที่อยู่ด้วยกับผู้ต้องหา ขณะควบคุมตัวทั้งหมด 4 ราย ประกอบด้วย เยาวชนที่โดนจับอายุ 17 ปี ภรรยาอายุ 18 ปี ลูกสาวอายุ 1 ปี และหลานลูกสาวของพี่สาวภรรยาอายุ 6 ปี มีการทำร้ายร่างกายต่อหน้าเด็ก 6 ขวบ และทางภรรยาร้องขอให้เด็กกลับไปบ้านพี่สาวก่อน แต่ตำรวจชุดดังกล่าวไม่ยินยอม ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กอย่างรุนแรง