xs
xsm
sm
md
lg

ชวนมาสัมผัสแหล่งเรียนรู้วิถีธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำตรัง “วิถีจาก..ไม่จากจร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
โดย... เมธี เมืองแก้ว

เนื่องจากแม่น้ำตรังที่ไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่ปากน้ำกันตัง มีสภาพเป็นน้ำกร่อย จึงทำให้พื้นที่ริมฝั่งหลายตำบลของอำเภอกันตัง จ.ตรัง อุดมสมบูรณ์ไปด้วย “ต้นจาก” พืชจำพวกปาล์มที่เก่าแก่มากชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลำต้นอยู่ใต้ดิน ต้นตั้งตรง ใบแทงขึ้นจากกอ มีช่อดอกแทงเป็นงวงออกมาจากกาบใย และกลายเป็นผลในเวลาต่อมา กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีต้นจากขึ้นอยู่อีกจำนวนหลายพันไร่ และน่าจะมากติดอันดับของประเทศไทย โดยเฉพาะในชุมชนย่านซื่อ วังวน และบางหมาก ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ “วิถีจาก..ไม่จากจร”
 

 
หนึ่งในกิจกรรมที่ผู้คนสามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้อย่างสะดวกตลอดทั้งปีก็คือ การไปเยือนชุมชนป่าจาก ที่กลายเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านมาต่อเนื่องนับ 100 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นพืชมากประโยชน์ เพราะสามารถนำทุกส่วนมาใช้ได้ ตั้งแต่นำใบ มาทำเป็นตับจากใช้สำหรับมุงหลังคา หรือนำลำต้น มาทำเป็นทุ่นลอยน้ำใช้ในอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ ส่วนผล ก็สามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร คือ ลูกจากและขนมจาก หรือนำน้ำเลี้ยงมาทำเป็นน้ำตาลจาก เช่นเดียวกับน้ำตาลโตนด และนำก้านใบ มาจักสานเป็นหัตถกรรมพื้นบ้าน
 

 
โดยเฉพาะที่ “ตำบลย่านซื่อ” ซึ่งได้มีการนำใบอ่อน มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใบจาก และส่งขายไปทั่วประเทศ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ผู้ใดก็ตามที่ได้เดินทางยังชุมชนแห่งนี้ จะต้องพบเห็นผู้คนแทบทุกครัวเรือนทำใบจากในรูปแบบต่างๆ นับตั้งแต่การตัด-เลาะ-ตาก-อบใบจาก บริเวณริมฝั่งแม่น้ำตรัง มาจนถึงการสับ-มัด-ตาก-มวนใบจาก บริเวณใต้ถุนบ้าน แต่จุดเด่นที่สุดของกระบวนการผลิตก็คือ ภาพที่กลุ่มแม่บ้านหลากวัย นับตั้งแต่สาวไปจนชรา ต่างช่วยกันเลาะใบจากกันอย่างขะมักเขม้น จนถูกขนานนามอาชีพนี้ว่า “ปากกัดตีนถีบ”
 

 
ขณะที่เศษใบจากที่เหลือ เช่น ใบ หรือก้าน ชาวบ้านยังสามารถนำไปทำภาชนะจักสานอันขึ้นชื่อ และกลายเป็นเอกลักษณ์เด่นของจังหวัดตรังอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมักจะซื้อหากลับบ้านไปเป็นของที่ระลึก เช่น เสวียนหม้อ (ภาชนะที่ใช้รองหม้อแกง) ตะกร้า ที่ใส่กระดาษทิชชู่ ที่ใส่ขวดไวน์ และยังได้มีการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้เป็นงานจักสานอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ คงทน ประณีตสวยงาม เป็นงาน Hand Made (ทำมือ) ราคาย่อมเยา และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
 

 
สำหรับ “ตำบลวังวน” ก็เป็นอีกชุมชนที่ได้มีการนำส่วนต่างๆ ของต้นจาก มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP อันหลากหลายและขึ้นชื่อเช่นกัน ด้วยการนำก้านจากเหลือใช้ มาจักสานเป็นติหมา ที่มีลักษณะคล้ายเรือ หรือถังน้ำ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านเมื่อครั้งอดีต เพื่อใช้ในการตักน้ำขึ้นจากบ่อ หรือวิดน้ำออกจากเรือ กระทั่งต่อมา เมื่อมีการนำถังและพลาสติกเข้ามาใช้แทนที่ จึงทำให้ติหมาเริ่มสูญหายไปจากท้องถิ่น และมีเพียงกลุ่มเกษตรกรบ้านนายอดทอง เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงรวมตัวสืบสานมาอย่างต่อเนื่อง
 

 
กระทั่งขณะนี้ได้กลายเป็น “ติหมา” ที่ใส่ได้ทั้งน้ำเปล่า น้ำแข็ง ขนม และอื่นๆ อันเป็นไปตามกระแสวัตถุดิบจากธรรมชาติที่กำลังมาแรง ทำให้ตลาดน้ำ หรือตลาดย้อนยุคจากทั่วประเทศ สั่งซื้อติหมาจากจังหวัดตรังไปใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 ลูก ในราคาลูกละตั้งแต่ 6-10 บาท แถมยังส่งไปขายยังหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น จนสร้างรายได้ให้ทางกลุ่มอย่างงดงาม และล่าสุด ได้รับรางวัลโอทอปพรีเมียม โกอินเตอร์ ตามโครงการ 9101 ชนะเลิศระดับประเทศ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
 

 
นอกจากนั้น ผลิตผลจากต้นจาก ยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นน้ำตาลจากที่แสนอร่อย เหมือนอย่างเช่นที่ชาวบ้านใน “ตำบลบางหมาก” อีกชุมชนริมฝั่งแม่น้ำตรัง ที่ได้สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนานแล้ว โดยการใช้มีดที่มีความคมตัดที่งวงจาก ก่อนทิ้งให้น้ำตาลจากไหลลงสู่กระบอกไม้ไผ่จนเต็มเป็นเวลา 1 คืน ซึ่งน้ำตาลจากสดๆ เมื่อนำไปต้มแล้ว จะขายได้ทันทีในราคาถุง/ขวดละ 10 บาท ส่วนที่เหลือยังนำไปเคี่ยวเป็นน้ำตาลจาก ขายในราคาขวดละ 40-80 บาท เพื่อใช้แทนน้ำตาลทราย ปรุงอาหารคาวหวานได้สารพัด
 

 
น้ำตาลจาก ยังสามารถนำไปดองในไหเพื่อแปรรูปเป็นน้ำส้มจาก ขายในราคาขวดละ 50-70 บาท เพื่อใช้แทนน้ำส้มที่ทำจากมะนาว ส่วนผลอ่อนของจากที่ตัดลงมา ก็นำมาลอยแก้วได้รสชาติที่หอมหวาน ซึ่งปัจจุบันได้มีการสร้างเพิงเล็กๆ ริมถนนสายตรัง-กันตัง เพื่อนำสินค้าเหล่านี้มาวางขาย และเป็นที่นิยมของผู้สัญจรไปมา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ OTOP อันขึ้นชื่อของอำเภอกันตัง เพื่อตอกย้ำความเป็นแหล่งเรียนรู้ “วิถีจาก..ไม่จากจร” อันมีคุณค่า และเชิญชวนทุกคนให้เข้ามาสัมผัส
 













กำลังโหลดความคิดเห็น