ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.สภ.กะรน เชิญคนขับรถ 10 ล้อหัวร้อน พร้อมคู่กรณีสอบสวน หลังก่อเหตุควงประแจโชว์ ก่อนใช้มือทุบกระจกรถตู้พัง สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายจับมือเลิกแล้วต่อกัน เสียค่าปรับกันไปตามระเบียบ
จากกรณีมีการแชร์คลิปวิดีโอคนขับรถบรรทุก 10 ล้อก่อเหตุควงประแจลงจากรถบรรทุก และทุบกระจกรถตู้ได้รับความเสียหาย โดยเหตุเกิดในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต วันนี้ (26 ส.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กะรน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.กะรน ว่า เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันบนถนนปฏัก บริเวณหน้าตลาดแม่สมจิตร ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ระหว่างคนขับรถยนต์ตู้กับคนขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคู่กรณีมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ.กะรน และพนักงานสอบสวนเวร ได้ร่วมกันทำการสอบสวนแล้ว ทราบว่า ผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ นายหัตพงศ์ อินนุรักษ์ อายุ 24 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 42/1 ม.8 ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 81-1000 ภูเก็ต ส่วนคู่กรณี คือ นายอนุพงศ์ แซ่ง้อ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/1 ถ.หลวงพ่อ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้ขับขี่รถยนต์ตู้ หมายเลขทะเบียน 31-2214 ภูเก็ต นายสุนทร ชุนวร อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232/7 ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าของรถยนต์ตู้
จากการสอบสวนทราบว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายขับขี่รถมาจากบริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง โดยนายอนุพงศ์ ขับรถตู้อยู่ช่องทางด้านขวา ส่วนนายหัตพงศ์ ขับรถบรรทุก 10 ล้ออยู่ช่องเดินรถซ้ายมือทางด้านหลัง โดยนายหัตพงศ์ พยายามจะขับแซงรถตู้ แต่ไม่สามารถแซงได้ เนื่องจากรถตู้ขับกันไม่ให้แซง จึงเกิดอารมณ์โมโห และพยายามแซงเป็นผลสำเร็จบริเวณหน้าตลาดแม่สมจิตร หลังจากขับแซงมาได้จึงขับรถปาดหน้ารถยนต์ตู้ บังคับให้หยุดรถ จากนั้นนายหัตพงศ์ ได้ลงจากรถพร้อมนำเอาประแจรถ 10 ล้อลงมาด้าย แล้วใช้มือข้างขวาต่อยไปที่กระจกรถตู้ด้านขวา ทำให้กระจกรถตู้หลุดได้รับความเสียหาย
โดย นายอนุพงศ์ ให้การว่า ตนเองได้ขับขี่รถอยู่ทางด้านขวามือตลอดทาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ทราบว่า การขับขี่รถอยู่ในช่องเดินทางขวามือโดยตลอดนั้นเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ.2522 ฐานไม่ขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย มาตรา 33, 151 จึงได้แจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดให้ทราบ ซึ่งผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ให้การรับสารภาพ และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาดังกล่าวเป็นเงิน 500 บาท
ส่วนนายหัตพงศ์ ใช้กำลังต่อยกระจกรถของผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ ลักษณะเป็นการขู่เข็ญ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นคดีอาญา เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท
สำหรับความเสียหายของรถตู้ นายสุนทร ชุนวร เจ้าของรถตู้ไม่ติดใจในค่าเสียหายและไม่เรียกร้องใดๆ จากฝ่ายนายหัตถพงศ์ และคู่กรณีทั้งสองฝ่ายสามารถปรับความเข้าใจกันได้แล้ว และรับปากว่าต่อจากนี้จะขับขี่รถในทางอย่างมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง และจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยนายอนุพงศ์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายหัตพงศ์ และสัมผัสมือกันแสดงความเป็นมิตรกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ