xs
xsm
sm
md
lg

คืบหน้าคดีปล้นทอง "นาทวี" คาดคนร้ายหนีกบดานในมาเลเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบช.ภ.9 เผยคดีปล้นร้านทองนาทวี คาดคนร้ายหนีข้ามแดนกบดานในประเทศมาเลเซีย เชื่อเป็นฝีมือกลุ่ม “เจะอารง บาเฮง” ที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุปล้นเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ใน อ.นาทวี เมื่อปี 60

วันนี้ (26 ส.ค.) ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกปล้นร้านทอง “ห้างทองสุธาดา” กลางตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 ส.ค.) กวาดทองรูปพรรณน้ำหนัก 3,300 บาท มูลค่ากว่า 85 ล้านบาท พร้อมเครื่องเพชรและทองแท่งอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งมีประมาณ 17-20 คน และเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ

ล่าสุด พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดีนี้ ทั้งไปตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านทองเพื่อรับทราบเหตุการณ์ และร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าคดีที่ สภ.นาทวี ร่วมกับ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ปรีดา เปี่ยมวารี ผบก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.เอกรัฐ สวนเสน ผกก.สภ.นาทวี
 

 
ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า ในทางการเจ้าหน้าที่จะเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชื่อมโยงกับเหตุที่ร้านทองร้านนี้เคยถูกปล้นเมื่อปี 48 แต่ยังบอกไม่ได้ว่าคนร้ายได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ ส่วนที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มก่อความไม่สงบเพราะเหตุปล้นในครั้งนี้แผนประทุษกรรมเหมือนกัน ซึ่งครั้งนั้นก็เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้พอทราบกลุ่มแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน รอเพียงหลักฐานที่ลงลึกในรายละเอียดให้มากกว่านี้ จะสามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นใครและใครเป็นคนวางแผน ส่วนเป้าหมายของการปล้นมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบต้องการเงิน ซึ่งก็เคยก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มหลายครั้งนั้นไม่แน่ แต่ขัดกับแนวทางของกลุ่มก่อความไม่สงบ

ส่วนความคืบหน้าในทางการสอบสวนมีรายงานว่า มีการสอบพยานแวดล้อมไปแล้ว 11 ปาก และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ พบว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายยิงขู่ชาวบ้าน ขณะชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีในพื้นที่บ้านพอบิดใต้ หมู่ 4 ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี หลังนำรถตู้ไปจอดทิ้งไว้ พบว่า เคยใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ต.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อปี 61 จึงเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี กับอำเภอชายแดนสงขลา
 

 
ทั้งนี้ ในแนวทางการสืบสวนเป็นได้สูงว่าการปล้นร้านทองครั้งนี้เป็นฝีมือกลุ่มของ นายเจะอารง เฮง อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 12 ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการรับผิดชอบเคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา โดยเฉพาะนาทวี และเป็นระดับมือยิง มีหมายจับติดตัวของ สภ.สะบ้าย้อย 1 หมายจับ รวม 8 ข้อหา เช่น ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมีระเบิดไว้ในครอบครอง ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด

เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มของ “เจะอารง” เพราะเหตุปล้นร้านทองในครั้งนี้รูปแบบเหมือนกับการปล้นเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ใน อ.นาทวี เมื่อปี 60 ทั้งการปล้นรถมาก่อเหตุ ลักษณะการลงมือที่ทำกันเป็นทีมซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกัน และครั้งนั้นในทางการสืบสวน พบว่า นายเจะอารง มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมวางแผนด้วย

ส่วนเป้าหมายของการปล้นจะเป็นการสร้างสถานการณ์โดยตรงของกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือเพียงแค่รับงานมานั้นเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะยังพบข้อพิรุธของคนร้ายหลายอย่างในการปล้นร้านทองครั้งนี้ ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซีย พร้อมกับทองที่ขโมยไปเพราะแค่ขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับหลบหนี ซึ่งน่าจะไปไม่ไกลและพื้นที่เกิดเหตุก็อยู่ใกล้กับชายแดนไทย-มาเลเซีย
 

 
ด้าน นายสมัคร อนุจร อายุ 56 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ เพราะแม้ว่าคนร้ายจะถอดปลั๊กและขโมยกล้องไปแต่ก็เอาไปผิดตัว 

นายสมัคร กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในร้านอยู่อีกสาขาหนึ่ง ในร้านมีเพียงผู้หญิง 4 คน ส่วนคนร้ายมากัน 14 คน พร้อมอาวุธครบมือ เป้าหมายคือปล้นทองและน่าจะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดีเป็นเดือน และน่าจะมีคนคอยชี้เป้า และขณะเกิดเหตุหากคนในร้านขัดขืนก็อาจจะถูกยิงด้วย

โดยร้านทองของตนสาขานี้เมื่อปี 2548 ก็เคยถูกคนร้ายบุกปล้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ได้ทองไปจำนวนมากเช่นกัน และคดียังไม่สิ้นสุด ครั้งนั้นสามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 คน มอบตัว 1 คน และยังหลบหนีอีก 1 คน และครั้งนั้นมีลูกจ้างในร้านร่วมด้วย และคนร้ายก็มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การปล้นครั้งนี้เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบเพราะมากันถึง 14 คน และอาวุธครบมือ คนธรรมดาทำไม่ได้ และอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนในซึ่งเป็นอดีตลูกจ้างโดยเฉพาะที่เคยเกี่ยวข้องกับคดีปล้นครั้งเก่าร่วมด้วย 

นายสมัคร กล่าวว่า แม้จะเคยถูกปล้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง และครั้งนี้คนร้ายได้ทองคำไปเกลี้ยงร้าน มูลค่าประมาณ 85 ล้านบาท และทางร้านก็ไม่ได้ทำประกันเอาไว้ ทุกอย่างหมดไม่มีเหลือ แต่ตนก็จะสู้ต่อ โดยหลังจากนี้จะเร่งซ่อมแซมร้านที่ถูกคนร้ายทุบกระจกพังหมด และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ เพราะยังมีลูกค้าที่ไว้ใจและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
 


กำลังโหลดความคิดเห็น