xs
xsm
sm
md
lg

“เอกชัย” ขอความคุ้มครองจากข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน UN หลังถูกอุ้มพ้นเวทีสัมปทานเหมืองหินที่พัทลุง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “เอกชัย อิสระทะ” ยื่นหนังสือถึงผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ขอให้ร่วมหามาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนในภาคใต้
  

 
วันนี้ (19 ส.ค.) นายเอกชัย อิสระทะ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (เลขาฯ กป.อพช.ใต้) นักปกป้องสิทธิชุมชนที่ถูกคุกคามที่ จ.พัทลุง ระหว่างเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน กรณีการขอสัมปทานเหมืองหินของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด พร้อมด้วยนักพัฒนาเอกชนและประชาชนจากทั่วประเทศ ได้ร่วมกันเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR) ณ สำนักงานผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย
 
โดยหนังสือร้องเรียนดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ กป.อพช.ใต้ 19 สิงหาคม 2562 เรื่องขอให้ท่านร่วมหามาตรการในการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองกรณี เอกชัย อิสระทะ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน เรียนผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR)
 
เนื่องด้วยวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ได้เกิดเหตุการณ์การข่มขู่คุกคามผม นายเอกชัย อิสระทะ โดยตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.ชาติ) และเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ซึ่งได้เดินทางไปเข้าร่วมสังเกตการณ์การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุง เพื่อประกอบการพิจารณาคำขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เวลา 13.30 น. ณ มัสยิดอัสซอลีฮีน หมู่ที่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง
 

 
แต่เมื่อผมเดินทางไปถึงบริเวณมัสยิดที่จัดงาน ได้ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขัดขวางห้ามไม่ให้เข้าร่วมเวที พร้อมทั้งทำการยึดโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ และถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนไว้ด้วย จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวได้บังคับควบคุมตัวผมขึ้นรถยนต์ไปกักขังไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงเย็นวันเดียวกันจึงปล่อยตัวออกมา โดยข่มขู่ห้ามไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี และห้ามผมไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโครงการทำเหมืองหินนี้อีกต่อไป มิเช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของผมและครอบครัว ซึ่งในขณะนี้ผมได้ทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จังหวัดสงขลา ขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมผู้กระทำผิด
 
ผมและครอบครัวอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวว่า การคุกคามจะลุกลามต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีการดำเนินการข่มขู่เพื่อกดดันให้ผมและเครือข่ายองค์กรฯ ให้ยุติการเคลื่อนไหวคัดค้านประทานบัตรโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ดังกล่าว ทั้งนี้อย่างที่ท่านทราบว่าในพื้นที่ภาคใต้นั้นกรณีการลักลอบสังหารและคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้น เกี่ยวข้องกับกระบวนการอิทธิพลที่ยากที่จะมีกระบวนการยุติธรรมจะสามารถเอาผิดกับใครได้
 

 
ผมจึงขอเรียนมาทางท่าน เพื่อขอให้ท่านประสานงานอย่างเร่งด่วนโดย 1.ขอให้ท่านร่วมหามาตรการในการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครอง เช่น ขอให้ท่านประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าการไปให้ปากคำ ชี้ตัวผู้ผู้ถูกกล่าวหา และกระบวนการชั้นตำรวจ อัยการและศาล จะมีการคำนึงถึงความปลอดภัย และขอให้ท่านติดตามอย่างต่อเนื่องในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้แน่ใจว่าผู้กระทำผิดไม่ลอยนวลพ้นผิดและถูกนำตัวมาลงโทษ 2.ขอให้ท่านประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง หามาตรการในการคุ้มครองกระผมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ ในพื้นที่ 
 
3.ขอให้ท่านประสานงานกับกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ผมเข้าถึงการคุ้มครองต่างๆ เช่น การคุ้มครองพยานที่ผมสามารถร่วมออกแบบเพื่อความปลอดภัยของผมและครอบครัว และหามาตรการในการคุ้มครองกระผม ครอบครัวและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ ในพื้นที่ 4.ขอให้ท่านประสานงานกับสถานทูตต่างๆ เพื่อร่วมหามาตรการในการคุ้มครองกระผม ครอบครัวและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ ในพื้นที่ และ 5.ขอให้ท่านประสานงานกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อร่วมหามาตรการในการคุ้มครองกระผม ครอบครัวและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ ในพื้นที่ 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น