xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์เก่าเชื่อมั่นใน 2 รุ่นพี่ “ศึกษิต” ของ มวล.ไม่คิดร้ายต่อมหาวิทยาลัยหลังถูกฟ้องศาล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์โพสต์เชื่อมั่นใน 2 “ศึกษิต” รุ่นพี่ไม่ได้คิดร้ายต่อมหาวิทยาลัย หลังถูก มวล.ฟ้องศาลว่าบิดเบือนข้อมูลทำให้มหา’ลัย เสื่อมเสียชื่อเสียง

วันนี้ (18 ส.ค.) นายวรวีย์ เรียบร้อย ศิษย์เก่าสำนักวิชาการจัดการ รุ่น 3 ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ “Worawee M Riabroi” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาการตัดไม้และขุดดินจำนวนมากภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีใจความว่า

ศิษย์เก่าวลัยลักษณ์ ที่รักทุกคน
เมื่อ “ศึกษิต” กลายเป็น “ศิษย์เลว” เมื่อปกป้องต้นไม้ กลายเป็นคู่ขัดแย้งของมหาวิทยาลัย
ยืนหยัดเคียงข้าง เพื่อปกป้องความถูกต้องแก่สถาบัน

ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่าน เชื่อว่าหลายท่านได้ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว ในสถาบันการศึกษาอันเป็นที่รักที่มอบศักดิ์และสิทธิการเป็นบัณฑิตแก่เรามา นั่นคือการที่มีรุ่นพี่ศิษย์เก่า ออกมาเปิดโปง การลักลอบตัดไม้มีค่า เช่น ไม้ยางนา ไม้ตะเคียน และไม้เบญจพรรณฯลฯ หรือขบวนการ มอดไม้ ในเขตมหาวิทยาลัย และการลักลอบขุดดินในพื้นที่ของมหาลัย อันสงสัยว่า เป็นการลักลอบตัดไม้และขุดดินจำนวนมาก ออกไปนอกพื้นที่มหาวิทยาลัย พูดง่ายๆ คือ “ลักของหลวง” นั้นเอง

เดิมทีพื้นที่ใน ม.วลัยลักษณ์ เป็นพื้นที่ที่รัฐเวนคืน และมอบให้มหาลัยดูแลมากถึง 12,000 กว่า เขตปฏิรูปที่ดิน 3,000 กว่าไร่ พื้นที่เขตการศึกษา 9,600 กว่าไร่ กินพื้นที่ 9 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบล พื้นที่ เราๆ นศ. บุคลากร ใช้ชีวิต กิน นอน เล่าเรียน ทำงาน นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งส่วนเล็กๆ แต่พื้นที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์กว้างกว่ามาก แน่นอนว่าประกอบด้วย ไม้พื้นเมืองและไม้มีค่ามากมาย ถ้าดูภาพจาก google earth เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ในอาณาเขตของมหาลัย การออกมาเปิดโปงว่ามี ขบวนการมอดไม้ และ ลักลอบขุดดิน ในมหาลัย และเรียกร้องให้ผู้บริหารใช้อำนาจหยุดยั้งการ “ลักของหลวง” เราทุกคนคิดว่า กระบวนการตรวจสอบ ทั้งหน่วยงานภายใน เจ้าพนักงานภายนอก ควรเริ่มต้นขึ้นหลังจาก มีภาพ การลงพื้นที่ของผู้บริหารบางส่วน ไปดูตอไม้จำนวนมาก ไม้แปรรูป และพื้นที่ขุดดิน ในพื้นที่ชายขอบของมหาวิทยาลัย คือภาพมันชัดจนไม่รู้จะชัดยังไง ตอไม้มีค่า ตะเคียน ยางนา ไม้แปรรูป นอนแผ่หลา อยู่ในพื้นมหาวิทยาลัย
 

 
ปรากฏว่าเรื่องราว ไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ภายหลังไม่นาน มีการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารว่า ต้นไม้ที่ถูกตัดเป็นไม้ในพื้นที่พิพาท ระหว่างมหาลัยกับชาวบ้าน ที่ยังไม่ย้ายออกจากพื้นที่มหาลัย ดินที่ขุด นั่น ขุดไปขุดไปถมปรับพื้นที่ศูนย์การแพทย์ที่กำลังสร้างอยู่ ไม้แปรรูป นั่นก็เป็นไม้ที่ต้องโค่นลงเพราะอาจเป็นอันตราย จากนั้นไม่นาน มหาวิทยาลัยโจทย์ที่ 1 อธิการบดี โจทย์ที่ 2 ได้ฟ้องรุ่นพี่ศิษย์เก่า 2 คน พ่วง นักเคลื่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อมอีก 1 คน ในข้อหา ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ คือ นำข้อมูลอันเป็นเท็จลงในระบบคอมพิวเตอร์ เรื่องราวกลายเป็นเช่นนั้นไปเสียได้ อันนั้น เดี๋ยวเราคงได้รู้ความจริงเมื่อกระบวนการทางศาลมันดำเนินไป เพราะกระบวนการยุติธรรมย่อมบังคับให้ทั้ง 2 ฝ่ายเอาหลักฐานมายันกันให้ความจริงปรากฎ

แต่หัวข้อวันนี้ เมื่อศึกษิต กลายเป็นศิษย์เลว นั่นเพราะรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ถูกฟ้องทั้ง 2 คน เป็น บัณฑิตที่ได้รับรางวัล ศึกษิต ทั้ง 2 คน คือเพื่อนชัยของบางคนหรือพี่ชัยของหลายคน นายประสิทธิชัย หนูนวล อดีตนายกองค์การบริหารองค์การนักศึกษา อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าของ มวล.อีกคน คือน้องหนูหรือเพื่อนหนูหรือ พี่หนูของหลายคน นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว เพิ่งรับตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่า มาหมาดๆ น้ำยังไม่สะเด็ด

รางวัลศึกษิตแห่งปีที่วลัยลักษณ์ (Walailak Award) เป็นรางวัลที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมคุณงามความดี ให้เป็นคุณค่าที่นิยมชื่นชมกว้างขวางในหมู่นักศึกษา ในมหาวิทยาลัย ตลอดถึงสังคมโดยรวม เท่าที่จำความได้ เรารับรู้ และชื่นชม บรรดาพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ได้รับรางวัลศึกษาว่าเป็น คนดี คนเก่ง และที่สำคัญ คือ เกื้อกูลและมีจิตสำนึกสาธารณะอันโดดเด่น ซึ่งอาจเป็นความหมายเดียวกับคำนิยามของมหาลัย ที่มหาลัยนิยามไว้ก็ได้

ศิษย์เก่าทั้ง 2 คน นี้ ต่างชั้นปี ต่างสำนักวิชา แต่รู้จักมักคุ้นกันในผ่านการทำกิจกรรมในมหาลัย หรือเรียกว่า นักกิจกรรม ทั้ง 2 คน เป็นรุ่นพี่ รุ่นบุกเบิกจัดชมรมอาสาพัฒนาฯ เป็นแกนนำพาพวกเราทำกิจกรรมอาสา ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา จนถึงจบการศึกษาไปแล้ว ก็ยังคอยสนับสนุนกิจกรรมของชมรมเสมอมา

พี่ชัย พี่หนู นั้น จริงๆ ถ้าพวกเราจำได้ นศ.รุ่น แรกๆ คงไม่ลืมว่าเราเคยมีการทักท้วงมหาวิทยาลัยในคราวที่มหาลัยจัดซื้อรถบัสคันแรก อันเนื่องจากพบว่า การจัดซื้อครั้งนั้นไม่สมเหตุสมผล ราคาสูงเกินคุณภาพ ส่วนจะมีการทุจริตหรือเปล่าในครั้งนั้นจำไม่ได้ การทักท้วงหรือประท้วงของศึกษาครั้งนั้น ที่สุดมหาลัยได้ยกเลิกการจัดซื้อรถบัสคันนั้นไป พวกเรายังแซวกันเอง สมนำหน้าพวกประท้วงนัก ไม่มีรถบัสใช้เลย
 

 
พี่ชัย พี่หนู เป็น 2 ในแกนนำในการทักท้วงมหาลัยในครั้งนั้น เราในฐานะน้องใหม่ นั่งฟังพี่ๆ เค้านำเสนอต่อผู้บริหารในโถง 1,500 ที่นั่ง ก็ได้แต่คิด เก่งจัง ข้อมูลแน่นปึ๊ก อีกทั้งหลังจากจบการศึกษาไปแล้ว พี่ชัย พี่หนู ก็ยังเป็นแกนนำในการพยายามพลักดัน ชมรมศิษย์เก่าฯ และก่อตั้งสมาคมศิษย์เก่าในเวลาต่อมา และพี่ชัยยอมรับตำแหน่งนายกสมาคมและลาออกเมื่อไม่นานมานี้เอง

พี่ชัย พี่หนู เราร่วมกิจกรรมอาสาทั้งภายในภายนอกมหาวิทยาลัยกันตลอดมา ตั้งแต่เป็นนักศึกษาและจบการศึกษาไปแล้ว วันก่อนเห็นหน้าเฟซบุ๊กเพื่อนหลายคนแชร์ ความคืบหน้าของการก่อสร้างศูนย์การแพทย์ว่าเสร็จไปร้อยละ 90 ล่ะ ก็ยินดีกับมหา’ลัยและสังคมที่จะได้ใช้ประโยชน์กัน แต่ทำให้หวนคิดถึงว่า ไม่นานมานี้เอง พี่หนู ทรงวุฒิถูก เจ้าหน้าที่ สตง.คนหนึ่ง ฟ้องหมิ่นฯ 2 คดี อันเนื่องจากการโต้ตอบข้อมูลการเฟซบุ๊กในคราวที เจ้าหน้าที่ สตง. ท่านนั้น เข้าตรวจสอบมหาลัย เนื่องด้วยตรวจสอบพบ มีการปลอมแปลงเอกสารประกอบสัญญารับจ้างเหมา

ครั้งนั้น พี่หนูทรงวุฒิ พบว่า จนท. สตง. ท่านนั้นนำข้อมูลระหว่างการสอบสวนไปเผยแพร่ ทำให้มหาลัยเสียหาย จึงทักท้วงและเกิดการโต้ตอบกัน จนเจ้าหน้าที่ สตง. ท่านนั้นฟ้องหมิ่นไป 2 คดี นอกจากนี้ กลุ่มที่สูญเสียผลประโยชน์จากการก่อสร้างศูนย์การแพทย์ ยังเคลื่อนไหวทางมวลชน ติดป้ายรณรงค์ทั่วทุกมุมเมือง เพื่อให้มหาวิทยาลัยสร้างศูนย์แพทย์ต่อกับบริษัทเดิม

เราได้เห็นบทบาทของพี่หนู พี่ชัย ที่ออกมาตอบโต้เคลื่อนไหว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่การเปิดประมูลใหม่เพื่อสร้างศูนย์การแพทย์ ศูนย์การแพทย์สร้างได้มาทุกวันนี้ ส่วนคดีเพิ่งสิ้นสุดไม่นาน ศาลยกฟ้องพี่หนู ทั้ง 2 คดี คราวก่อน ปกป้องชื่อเสียงมหาลัย ถูกฟ้องไป 2 คดี คราวนี้ ปกป้องทรัพยากรของมหาวิทยาลัย กลับถูก มหา’ลัยฟ้องศาล ทั้งที่เหตุการณ์และมูลเหตุทั้งหมดไม่แตกต่างกันมากนัก

เมื่อมหา’ลัย เลือกใช้กระบวนการทางศาลฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องนั้นบิดเบือนข้อมูล หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ โกหกสังคม ทำให้มหา’ลัย เสื่อมเสียชื่อเสียง เราคิดว่า ก็เป็นสิทธิที่ผู้ถูกฟ้องจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยการพิสูจน์ว่าที่โพสต์นั้นเป็นความจริง โดยฟ้องร้องให้เจ้าพนักงานเข้ามาตรวจสอบในมหาวิทยาลัย รวมทั้งการฟ้องร้องผู้มีหน้าที่รักษาทรัพยากรของมหาลัย ว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กระบวนการควรดำเนินไปตามครรลองของกฎหมาย
 

  
แต่การต่อสู้ การเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องสถาบัน เพื่อรักษาทรัพยากรของมหาลัย ของศิษย์เก่าทั้งสองคน นำไปสู่วาทะอันโด่งดังจากปากของผู้บริหาร “ศิษย์เก่าเลว” คิดดูเถิด จากศึกษิตในวันโน้น กลายเป็นศิษย์เก่าเลวในวันนี้ การต่อสู้เพื่อปกป้องประโยชน์ของสถาบันที่รักของตนเอง สมควรหรือที่จะได้รับคำปรามาสจากผู้บริหารว่าเป็น “ศิษย์เก่าเลว”

พี่น้องศิษย์เก่าครับ เราเห็นว่าเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะแสดงตนให้เห็นว่า พวกเราสนใจเรื่องราวเหล่านี้ในมหาวิทยาลัยของเรา แสดงให้เห็นว่าเราจับตามองอยู่ และ แสดงให้เห็นว่าเราต้องการความจริง ให้มีการเร่งสอบสวนหาความจริง ให้กระจ่าง รวมทั้งการชี้แจงข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาต่อพวกเราและสังคม

คิดว่า พวกเรา คงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะเราถึงแม้ยากจะเชื่อว่า ผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่จะปล่อยปละละเลย ให้มีตัดต้นไม้จำนวนมาก และนำออกนอกมหาวิทยาลัย มันดูยากจะเชื่อมาก แต่จนบัดนี้มหาลัยยังไม่สามารถชี้แจงข้อสงสัยใดๆ ที่พอจะฟังได้ครบถ้วนหรือแสดงหลักฐานใดๆประกอบคำชี้แจงแถลงการณ์ในแต่ละครั้ง แม้ว่าศิษย์เก่าที่เป็นจำเลยทั้ง 2 นั้น จะไม่เก่งกาจไปทุกเรื่อง แต่ประสบการณ์การทำงานกับข้อมูลมาตลอดชีวิต ดังนั้นความสามารถในการ รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล และความคุ้นเคยกับพื้นที่ในมหาลัย เราจึงเชื่อว่า ข้อมูลต้องแน่น ครบถ้วน อย่างแน่นอน และที่เชื่อได้ยิ่งกว่า คือ ในความรักต่อมหาวิทยาลัยที่บ่มเพาะทั้ง 2 คนมา

ล่าสุดมหาลัยได้มีแถลงการณ์ชี้แจง เมื่อวันที่ 9 สค. รายละเอียดพี่น้องสามารถค้นหาได้ว่ามหาลัยชี้แจงอย่างไร แต่อย่างหนึ่งที่ต้องคัดค้านมหาวิทยาลัย คือ การตีตราว่า พี่ ทั้ง 2 คนเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีต่อมหาลัย จึงต้องฟ้องร้องต่อศาล พี่น้องครับ ค่านิยมของของบัณฑิตไทยทุกสถาบันนั้น ต่างรักและภาคภูมิใจในมหา’ลัยของตนเสมอ ไม่ว่ามหาลัยของตนเองจะถูกจัดเป็นมหาลัยแนวหน้าของไทย ของเอเชีย ไม่สนว่าจะอยู่ที่ลำดับเท่าไหร่ของโลกที่ใครๆ เค้าจัดลำดับกัน สำหรับบัณฑิตไทยนั้น ไม่ว่าสถาบันของตนจะมีชื่อเด่นดังหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญ คือ เป็นสถาบันของเรา ดังนั้น เราคงเชื่อว่าบัณฑิตทุกสถาบัน จบไป อาจทำชั่วทำเลว กับการบ้านเมือง หรือทำชั่วทำเลวในที่ต่างๆ ทำชั่วทำเลวกับสถาบันอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่ทำโดยเด็ดขาด คือ ทำชั่วทำเลวกับสถาบันที่ตัวเองสำเร็จเป็นบัณฑิตมา การจะปรามาสว่า ศิษย์เก่าของมหาลัยใดๆ เป็นผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสถาบันของตน หรือเป็นศิษย์เก่าเลวนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ด้วยความเชื่อมั่นดังกล่าว เราได้สอบถามไปยังพี่ทรงวุฒิ ว่า “มีค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีอย่างไร” ได้คำตอบว่า “มีบ้างเล็กน้อย”
 

 
พี่น้องครับ เรื่องนี้มหาวิทยาลัยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องทำความจริงให้ปรากฏ เหตุแบบนี้ การเบียดเบียนทรัพยากรของแผ่นดิน เชื่อไว้ก่อนว่ามี เพื่อทำให้การตรวจสอบย่อมดีกว่า ไม่เชื่อว่ามีการละเลยการตรวจสอบ ดังนั้น การต่อสู้หาความจริงควรสมน้ำสมเนื้อ มหา’ลัยใช้งบของหลวง ใช้คนของหลวง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับคนที่เรียกร้องให้จับโจรที่ลักของหลวง อีกฝั่งผู้ถูกฟ้องนั้น การออกค่าใช้จ่ายในการสู้คดี จึงไม่ควรเป็นภาระของผู้ต้องการรักษาซึ่งทรัพยากรของมหาลัย ของแผ่นดิน ของมหาลัยที่รักของตนเพียงลำพัง ดังนั้นจะมีการระดมทุนจากทั่วประเทศ และพี่น้องศิษย์เก่าคนละเล็กน้อย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสู้คดี รายละเอียดตามภาพที่ประกอบโพสต์นี้ เราขอเชิญชวนตามกำลังของแต่ละท่านเพื่อสนับสนุนให้มีการค้นหาความจริง

ท้ายสุด สำหรับพี่หนู ทรงวุฒิ พัฒแก้ว และพี่ชัย ประสิทธิ์ชัย หนูนวล คงเป็นปุถุชน ธรรมดาที่ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบไปทุกเรื่อง แต่ 20 กว่าปีที่ รู้จักกันมา พวกเราผมยืนยันหนักแน่นว่า พี่ทั้ง 2 คน มีคุณสมบัติที่ที่มหาวิทยาลัยควรภูมิใจในความเป็นศิษย์เก่าของวลัยลักษณ์ที่สังคมต้องการ นั่นคือ เป็นคนมีหลักการหนักแน่น ยึดมั่นอุดมการณ์ อุทิศตนและเสียสละเพื่อส่วนรวม เป็น “ 2 ศึกษิต” ที่มหาลัยควรยกย่องและภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ศิษย์เก่าทั้ง 2 คน รักและต่อสู้เพื่อมหาลัยอันเป็นที่รักของตน 20 ปี ที่ได้รู้จักกัน เราเชื่อมั่น และศรัทธา ในคุณค่าและเกียรติที่พี่ทั้งสองคนปฏิบัติดีเสมอมา

“ยินดีและภูมิใจยิ่งที่ได้เป็นศิษย์เก่าร่วมสถาบัน”
ศิษย์เก่าชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์
18 สิงหาคม 2562
 



กำลังโหลดความคิดเห็น