สตูล - ชาวประมง 3 หมู่บ้านใน อ.ละงู จ.สตูล ร้องท่าเทียบเรือทรุดโทรมหวิดถล่ม ด้านประมงจังหวัดรีบติดประกาศห้ามใช้เด็ดขาด แทนที่จะหางบประมาณซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ อ้างติดปัญหาป่าชายเลน ทำชาวประมงพื้นบ้าน 1,200 ครัวเรือนเดือดร้อน
วันนี้ (17 ส.ค.) ที่ท่าเทียบเรือประมง โครงการพัฒนาประมงทะเลชายฝั่งพื้นบ้าน กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมู่ 1 บ้านท่าชะมวง ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล นายอาหมาด ธาราพิสิทธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 นำชี้ให้ดูซากตัวอาคารของท่าเทียบเรือดังกล่าวที่อยู่ในสภาพผุพัง และทรุดโทรม เสาตัวอาคารท่าเทียบเรือถูกกระแสน้ำเค็มกัดกร่อนจนถึงโครงเหล็กเกือบทุกต้น หลังคาแตกเป็นรูโหว่ ไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
โดยทางประมงจังหวัดสตูล ได้ติดป้ายประกาศ “ห้าม! ใช้ท่าเทียบเรือเนื่องจากมีสภาพชำรุด และเสียหายมาก ไม่สามารถใช้งานได้ และอาจเกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้ใช้บริการได้ ลงชื่อป้ายประกาศ สำนักงานประมงจังหวัดสตูล” และติดป้าย “เขตอันตราย ชำรุดห้ามใช้” หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ร้องผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เพื่อต้องการให้ทางการเข้ามาซ่อมแซมหรือบูรณะท่าเทียบเรือใหม่ แต่กลับประกาศห้ามใช้ และอ้างว่าขณะนี้ติดขัดเรื่องกฎหมายป่าชายเลน เนื่องจากอยู่ในกฎหมายเก่าไม่สามารถจัดหางบได้
นายแนบ แซ่ตู อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 200 หมู่ 18 บอกว่า หลังจากประมงจังหวัด ได้ประกาศปิดท่าเทียบเรือในหมู่บ้านแห่งนี้มาร่วม 3 เดือนแล้ว ชาวบ้านที่เคยใช้ก็ไม่รู้จะไปใช้ท่าเทียบเรือที่ไหน เพราะ 3 หมู่บ้านไม่มีสะพานใหญ่เลย ทุกวันนี้แม้จะประกาศห้ามใช้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และต้องใช้แม้จะเสี่ยงก็ตาม เพราะไม่รู้จะเอาข้าวของลงทางไหน ยอมรับว่าสะพานมันพังแบบนี้มานานแล้ว แต่ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นหนักเมื่อทางการมาประกาศห้ามใช้สะพาน แทนที่จะแก้ปัญหาโดยการหางบมาซ่อมแซม หรือก่อสร้างสะพานใหม่ กลับมาประกาศห้ามใช้จนสร้างความเดือดร้อนเข้าไปใหญ่ให้ชาวบ้าน การประกาศแบบนี้เป็นการปัดความรับผิดชอบมากกว่าการแก้ไขปัญหา อยากให้ทางการเร่งเข้ามาช่วยเหลือและดูแลด้วย
น.ส.จำเลียง เพ็ญจันทร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 1 ยอมรับว่า ทุกวันนี้ใช้สะพานเสี่ยงมาก แม้ทางการจะประกาศห้ามใช้ เพราะท่าเทียบเรือมันผุพัง เหล็กด้านในขาดหมดแล้ว แต่จะทำยังไงได้เพราะไม่มีสะพานท่าเทียบเรือให้ชาวบ้านใช้ การประกาศของทางการเพื่อปัดความรับผิดชอบหากเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ไม่คำนึงถึงความความเดือดร้อนของชาวบ้าน หากไม่มีงบในการซ่อมแซมบูรณะก็ให้มาสร้างสะพานใหม่ให้
ขณะที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอละงู ทราบข่าวความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงเดินทางมายังท่าเทียบเรือดังกล่าวเพื่อรับฟังปัญหา โดยนายอิบรอเหม ปะดุลัง ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอละงู กล่าวว่า หลังจากทางอำเภอละงู ทราบข่าวถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่นี่ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากนั้นเรื่องได้ทำไปถึงจังหวัด และสอบถามที่มาเบื้องต้น ทราบว่า ท่าเทียบเรือแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2535 โดยกรมประมง ซึ่งทราบว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของป่าชายเลน ไม่มีการขออนุญาตในสมัยนั้น พอถึงเวลาจะซ่อมแซมในปี 2558 ทางกรมประมง จะโอนให้ทาง อบต. แต่ อบต.ไม่กล้ารับ เพราะอยู่ในเขตป่าชายเลน สภาพก็ทรุดโทรมแล้ว
ทั้งจากการประชุมหลังสุดเมื่อท่าเทียบเรือชำรุดทรุดโทรมหนักไม่สามารถใช้การได้ จึงให้ลงประกาศห้ามใช้สะพานแห่งนี้ และจากการลงพื้นที่เบื้องต้นพบความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างไร หลังการประกาศห้ามใช้สะพาน จะเรียกประชุมพูดคุยหาทางออกในสัปดาห์หน้าเพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้น และระยะยาวให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยหาทางออกให้ชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ส่วนขณะนี้คงต้องยึดตามประกาศนี้ไปก่อน
ท่าเทียบเรือแห่งนี้ มีชาวบ้านใช้ในการลำเลียงพืชผลทางการเกษตร และท่องเที่ยว รวมทั้งเดินทางไปมาระหว่างเกาะสาหร่าย เกาะตะรุเตา และเกาะหลีเป๊ะ โดยเฉพาะ 3 หมู่บ้านที่ใช้อยู่เป็นประจำ คือ หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 18 จำนวน 1,200 ครัวเรือน เรือประมงประมาณ 50 ลำ จะเป็นเรือทัวร์เบ็ดตกปลา เรือประมงพื้นบ้าน เรือขนพืชผลทางการเกษตรขึ้นฝั่ง และเรือโดยสารทั่วไป
