xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการคดีชูป้ายงานไทยศึกษายังติด “บัญชีจับตามอง” ถูก ตม.กักตัวทุกครั้งก่อนเข้าออกประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

(แฟ้มภาพ)
 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - นักวิชาการมุสลิมชาวยะลาสงสัย ชื่อยังอยู่ใน “บัญชีจับตามอง” ของฝ่ายความมั่นคง ทั้งที่ศาลยกฟ้องแล้วในคดีร่วมชุมนุมเกิน 5 คน ชูป้าย “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ที่งานประชุมนานาชาติไทยศึกษา ที่เชียงใหม่ ชี้เกิดปัญหาเข้าออกประเทศ เพื่อไปทำงานที่มาเลเซีย ถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ทุกครั้ง รวมแล้ว 10 กว่าครั้ง

วันนี้ (16 ส.ค.) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า น.ส.รุสนันท์ เจ๊ะโซ๊ะ ชาวไทย อาจารย์ด้านภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมลายา ประเทศมาเลเซีย ได้เปิดเผยกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ว่า ชื่อของเธอยังอยู่ในบัญชีจับตามองของฝ่ายความมั่นคงของไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ น.ส.รุสนันท์เคยร่วมลงชื่อในแถลงการณ์เรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการในงานประชุมนานาชาติไทยศึกษา ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2560 ด้วยการร่วมกันยกป้าย “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารยื่นฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่องการมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยศาลแขวงเชียงใหม่ ได้ยกฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2561 เนื่องจากได้มีการยกเลิกคำสั่งที่ 3/2558 ข้อ 12 ไปแล้ว

น.ส.รุสนันท์ บอกว่า หลังจากเหตุการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ตนเริ่มมีปัญหาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่สนามบินและด่านตรวจต่างๆ ทางภาคใต้ ทั้งขาเข้าและขาออก ตั้งแต่เดือน ส.ค.2561 เจ้าหน้าที่ได้กักตัวที่ด่าน เพื่อสอบถามรวม 12 ครั้ง ล่าสุด ขณะที่ น.ส.รุสนันท์ เดินทางกลับเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เธอจึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ว่า เคยมีปัญหาชื่อติดอยู่ใน “ลิสต์” ไม่ทราบว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร เนื่องจากไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศหลายเดือนแล้ว เจ้าหน้าที่ ตม.ได้สอบถามว่าเป็น “แบล็กลิสต์” อะไร เธอปฏิเสธว่าไม่ใช่แบล็กลิสต์ แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นลิสต์อะไร

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่า ชื่อของ น.ส.รุสนันท์ ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อเช่นเดิม ทำให้คอมพิวเตอร์ของด่านตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการเรื่องการขอเข้าออกประเทศไม่ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้พยายามติดต่อ พ.ต.อ.สมเกียรติ แก้ววิเศษ ผกก.1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 ซึ่งปรากฏชื่อเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ แต่ติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงติดต่อไปยังสำนักงานตำรวจสันติบาล เพื่อสอบถามว่าจะอนุญาตให้ น.ส.รุสนันท์ เข้าประเทศได้หรือไม่ ซึ่งกว่าที่ตำรวจสันติบาล และ ตม.จะอนุญาต น.ส.รุสนันท์ ต้องใช้เวลารอกว่าครึ่งชั่วโมง

หลังจากนั้น ในวันที่ 13 ส.ค. เมื่อ น.ส.รุสนันท์จะเดินทางออกนอกประเทศผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ที่เดียวกันกับที่เข้ามาก่อนหน้านี้ ก็พบปัญหาเดิม และติดต่อ พ.ต.อ.สมเกียรติ ไม่ได้อีก และต้องรอการประสานงานของเจ้าหน้าที่อยู่เช่นเดิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ตม.จะไม่ให้ น.ส.รุสนันท์เข้าออกประเทศก็ได้ ถ้าชื่อยังอยู่ในบัญชีเช่นนี้ อีกทั้งการที่ น.ส.รุสนันท์เป็นชาวไทยมุสลิมและเป็นคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจโดนเพ่งเล็งมากกว่าคนอื่น เจ้าหน้าที่ยังได้แนะนำให้เธอไปร้องเรียนที่ ศอ.บต.เพื่อแก้ไขปัญหานี้

น.ส.รุสนันท์ ระบุว่า ไม่สบายใจกับการถูกจับตามอง และสร้างความยากลำบากในการเดินทางเข้าออกประเทศมาก เจ้าหน้าที่ ตม.ก็มองเธอเหมือนว่าไปกระทำความผิดมา หรือมองว่าเป็นคนร้าย การเข้าออกบางครั้ง เจ้าหน้าที่ ตม.พยายามซักถามว่าให้เธอบอกมาตรงๆ ว่าไปทำอะไรมาหรือไม่ หรือไปก่อคดีอะไรมา ทำให้เธอก็ต้องพยายามอธิบายทุกๆ ครั้ง ทั้งที่คดีไทยศึกษาที่ จ.เชียงใหม่ก็ได้สิ้นสุดไปแล้ว รวมทั้งมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม เหตุใดกลุ่มนักวิชาการนานาชาติยังมีปัญหานี้อยู่ โดยทราบว่ามีนักวิชาการต่างประเทศอีก 3-4 ราย มีปัญหานี้เช่นกันในช่วงที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยนัก

“กำลังพิจารณาจะทำเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการตรวจสอบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ด้วย เนื่องจากการเข้าออกประเทศไทยในครั้งต่อๆ ไป ก็อาจจะเกิดปัญหาเช่นนี้อยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด” น.ส.รุสนันท์ กล่าว
 




กำลังโหลดความคิดเห็น