ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ตัวแทนพรรคประชาชาติ เข้าแจ้งความฟ้องหมิ่นประมาทและกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่มีผู้ไม่หวังดีโพสต์เฟซบุ๊กใส่ร้ายว่าพรรคประชาชาติบงการเหตุระเบิดป่วนกรุงเทพฯ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ส.ค.) ตัวแทนพรรคประชาชาติ โดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เขต 4 นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3 นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ กรรมการบริหารพรรค อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ และคุณทวีศักดิ์ ปิ กรรมการบริหารพรรคและอดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส กรณีที่มีผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่าพรรคประชาชาติอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดป่วนหลายจุดในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 ส.ค.
ทั้งนี้ นายกมลศักดิ์ ได้แสดงภาพผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Piyapong Prasaththong” ได้โพสต์และแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก รวมทั้งแชร์ไปตามกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่มว่า “พรรคประชาชาติเป็นผู้บงการของระเบิดป่วนเมือง เพราะจ้างวานให้คนรุ่นใหม่ชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปวางระเบิดป่วนเมือง” พร้อมกับแนบโลโก้พรรคด้วย ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพรรค ซึ่งพรรคประชาชาติมีนโยบายส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ให้ผู้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกเสมอกัน และมีนโยบายสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวในข้อหาหมิ่นประมาท และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคประชาชาติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสถานการณ์ความรุนแรงในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา เคยมีการใส่ร้ายลักษณะนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยแจ้งความดำเนินคดี ครั้งนี้จึงต้องดำเนินคดีเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะการใส่ร้ายพรรคประชาชาติว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือบงการโดยไม่มีพยานหลักฐานนั้น ตนในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติได้รับความเสียหาย และได้หารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค แล้ว
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า การโพสต์ใส่ร้ายพรรคประชาชาตินั้นได้เกิดขึ้นหลังจากที่มีเหตุระเบิดป่วนกรุงเทพฯ และมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวนราธิวาส 2 คน ที่ จ.ชุมพร ในระหว่างที่เดินทางกลับ จ.นราธิวาสด้วยรถทัวร์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ส่งตัวไปดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ ท้องที่เกิดเหตุ เพราะอาจต้องใช้กฎหมาย ป.วิอาญาทั่วไป ซึ่งต้องส่งตัวให้ศาลภายใน 48 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่กลับส่งตัวมาดำเนินคดีที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ที่ จ.ยะลา เพื่อจะได้ใช้อำนาจพิเศษตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกควบคุมตัวต่อได้ และทราบว่ามีความพยายามเชื่อมโยงให้เกี่ยวข้องกับกลุ่มบางกลุ่มในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะได้ใช้อำนาจพิเศษควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ต่อไป
“ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอยืนยันว่า พรรคประชาชาติไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และสนับสนุนให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธี ตามกระบวนการยุติธรรม และยึดหลักนิติธรรม ในฐานะที่เป็น ส.ส.นราธิวาสเขต 3 ครอบคลุมอำเภอรือเสาะด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิลำเนาของผู้ต้องสงสัย 2 รายที่ถูกควบคุมตัว มองว่าสังคมไม่ควรชี้นำเกินกว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ และไม่ควรรีบด่วนสรุปว่าใช่หรือไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ขอให้ดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด เพื่อความจริงจะได้ปรากฏ” นายกมลศักดิ์ กล่าว
นายมูฮัมหมัดรุสดี กล่าวว่า จากพฤติกรรมของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Piyapong Prasaththong” นั้น มีเจตนาที่จะใส่ร้ายต่อพรรคประชาชาติชัดเจน เพราะได้แสดงความคิดเห็นตามโพสต์ต่างๆ และแชร์ในกลุ่มต่างๆ ด้วยข้อความในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นพฤติกรรมที่สมควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมเห็นว่า ในยามที่บ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่จากพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวนั้นได้พยายามใส่ร้ายต่อพรรคการเมือง ในลักษณะการชี้นำทางความคิดว่าเหตุระเบิดป่วนกรุงเทพฯ นั้นเป็นการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติส่วนตัวของผู้ไม่หวังดีคนดังกล่าว พบว่า เป็นอดีตแนวร่วม กปปส.ที่เคยร่วมชุมนุมป่วนเมืองเมื่อปี 2557 และพบว่ามีความสัมพันธ์กับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางพรรคด้วย
นอกจากนี้ นายทวีศักดิ์ ได้แจ้งความร้องทุกข์อีก 1 คดี กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Aruj Panachinbonchorn” ได้โพสต์ข้อความพาดพิงนายทวีศักดิ์ โดยพยายามเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดป่วนกรุงเทพฯ และใส่ร้ายว่าเป็นมือวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้แจ้งความให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท และกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมีนายมูฮัมหมัดรุสดี ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่ถูกผู้ไม่หวังดีนำรูปภาพประกอบโพสต์ดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้กล่าวพาดพิงแต่อย่างใด ได้ให้การเพิ่มเติมในฐานะผู้เสียหายร่วมด้วย