ตรัง - เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ และ ส.ส.จาก 3 พรรคฝ่ายรัฐบาล เปิดเสวนาปัญหายางทั้งระบบร่วม 3 ฝ่าย หลังราคาร่วงหนักต่อเนื่องจน 3 กิโลไม่ถึง 100 บาทแล้ว หวั่นเศรษฐกิจล่ม
ที่โรงแรมวัฒนาพาร์ค อ.เมือง จ.ตรัง เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราภาคใต้ นำโดย นายประทบ สุขสนาน ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนกลาง และนายถนอมเกียรติ ยิ่งฉ้วน ที่ปรึกษาประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เร่งเปิดเวทีเสวนาแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ หลังจากในวันนี้ร่วงลงมาอย่างหนัก โดยน้ำยางสด เหลือกิโลกรัมละ 31-33 บาท หรือขณะนี้ราคา 3 กิโลไม่ถึง 100 บาทแล้ว แต่หากเป็นสหกรณ์อาจรับซื้อในราคาที่สูงกว่า คือ กิโลกรัมละ 34-35 บาท
สำหรับเวทีเสวนาในครั้งนี้ ใช้ชื่อว่า “เสวนาปัญหายางพาราทั้งระบบร่วม 3 ฝ่าย” โดยการเชิญตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยางทั่วภาคใต้ และตัวแทน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจาก 3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายณัฎฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ รวมทั้ง นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนเกษตรกรหลายรายลุกขึ้นถามตัวแทนรัฐบาล ถึงสาเหตุที่ราคายางพาราตกต่ำ แต่ไม่มีใครตอบได้ รวมทั้งรองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะการทวงถามถึงการประกันราคายางพารา และการประกันรายได้ของชาวสวนยางจากพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคฝ่ายรัฐบาล ที่ได้หาเสียงไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า จะให้ราคากิโลกรัมละ 60 บาท ตลอดจนให้รัฐบาลสนับสนุนในเชิงรุกงานวิจัยเกี่ยวกับการนำยางพาราไปต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมการส่งออก เพิ่มการใช้ยางภายในประเทศด้วย
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาราคายางพาราตกต่ำในขณะนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะดูแลกระทรวงเกษตรฯ ก็อยากเร่งทำนโยบายประกันรายได้ออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อพยุงฐานะของเกษตรกร เพราะบรรจุในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งมีความชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของรายละเอียดว่าใช้เงินเท่าไหร่ ตัวเลขประกันรายได้เท่าไหร่ การระบุตัวเกษตรกรจะทำอย่างไร มีกลไกกระบวนการอย่างไรเพื่อมิให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ประการสำคัญเรื่องที่เกษตรกรกังวลว่าอนาคตยางพาราจะไปอย่างไร ซึ่งหลายคนก็กังวลเพราะว่าโครงสร้างตลาดเปลี่ยน เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ขณะนี้ใช้ทุนตัวเองมาตั้งบริษัท และซื้อควบรวมบริษัท ซึ่งเดิมเป็นของคนไทย เกรงว่าจะเกิดการกดราคาในอนาคต จะทำให้ผลเสียตกแก่เกษตรกร รวมถึงสถาบันเกษตรกร จนขณะนี้มีการพูดกันด้วยซ้ำว่า 5 เสือในวงการยางจะเหลือ 2 ตัวครึ่งหรือ 2 ตัว ที่เหลือกลายเป็นบริษัททุนจีน ซึ่งจะเกิดผลเสียระยะยาว ดังนั้น เรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องชัดเจน และเร่งแก้ปัญหา
ด้าน นายประทบ สุขสนาน ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนกลาง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำยางพาราลดลงเหลือกิโลกรัมละ 33-34 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างมาก เพราะฉะนั้น รัฐบาลและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวง โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ส.ส.ทางภาคใต้จำนวนมากนั้น จะต้องเร่งดำเนินการ หากปล่อยให้ปัญหานี้ไปถึงปลายปี จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพราะสถาบันเกษตรกรที่รับแปรรูปยางกำลังขาดทุนหนัก และอาจทำให้สหกรณ์ต่างๆ ล้มลงทั้งระบบ
