นครศรีธรรมราช - ซากอ่างเก็บน้ำขนาดกว่า 400 ไร่ ส่อทุจริตซุกกลางผืนป่าพรุมานานร่วม 20 ปี ใช้งบหลายสิบล้านโผล่ฟ้องหลังไฟป่าลาม ชาวบ้านแฉแค่ใช้เครื่องจักรยกสันคันดินกวาดป่าทิ้งไม่เคยขุดจริง นายกเล็กแฉซ้ำไม่เคยมีน้ำ
วันนี้ (4 ส.ค.) เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานยังคงระดมเข้าดับไฟป่าที่กำลังลามเข้าพื้นที่ ซึ่งถูกเรียกว่าอ่างเก็บน้ำบ้านนานอก รอยต่อระหว่างหมู่ 4 และหมู่ 8 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นกว่า 20 ปีก่อน ด้วยงบประมาณหลายสิบล้านบาท แต่ไม่เคยใช้ได้จริง หลังจากไฟได้ลามเข้าพื้นที่จึงมองเห็นแนวของขอบอ่าง และสันอ่างทั้ง 4 ด้านอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ภาพทางอากาศนั้นแสดงให้เห็นแนวไฟป่าที่กำลังลุกลามในพื้นที่ป่าพรุ และกำลังประชิดแนวพื้นที่ป่าเพื่อการศึกษาของมูลนิธิชัยพัฒนา เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าช้างข้าม ป่าท่าควาย ขณะที่พื้นที่ซึ่งถูกเรียกว่าอ่างเก็บน้ำบ้านนานอกได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีขอบสันอ่างกว้างประมาณ 15 เมตร ขนาดความกว้างประมาณ 400 เมตร ยาวประมาณ 1,000 เมตร รวมเนื้อที่บริเวณอ่างกว่า 400 ไร่ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้เดียวกับพื้นที่พรุโดยรอบ
นายจำเปี้ยน เอียดแก้ว อายุ 62 ปี ชาวหมู่ 4 ต.การะเกด ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับอ่างแห่งนี้ได้ให้ข้อมูลว่า ทางราชการได้ทำโครงการอ่างเก็บน้ำเมื่อราวกว่า 20 ปีก่อน ได้เห็นทุกขั้นตอนในการสร้างอ่าง มีการทำเพียงขุดดินจากแนวข้างๆ ยกคันทำเป็นสันอ่าง ส่วนภายในอ่างนั้นใช้รถดันกวาดต้นไม้ ไม่ได้มีการขาดใดๆ เลย ชาวบ้านไม่เคยใช้น้ำจากแหล่งนี้เพราะไม่มีน้ำ หลังถูกทิ้งไว้นานป่าไม่เคยมีหน่วยงานใดๆ มาดูแลพื้นที่คืน กลับมาในอ่างกลายเป็นพรุ และเศษซากพืชในพรุเหมือนเดิม
ขณะที่ นายอภิเชษฐ์ พรัดชู นายกเทศมนตรีตำบลการะเกด ระบุว่า เมื่อประมาณกว่า 20 ปีก่อน ไม่แน่ใจว่าเป็นงบประมาณจากที่ไหน ไม่แน่ใจว่าเป็นงบของจังหวัดหรือไม่ แต่ไม่สามารถเก็บน้ำได้ คันดินไม่ได้มีการบดอัดใดๆ ทั้งนี้ พยายามร้องขอเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาจากหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ และไม่เคยมีการตรวจสอบใดๆ กับอ่างแห่งนี้
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าในบริเวณอ่างเก็บน้ำยังคงคุกรุ่น และปะทุลุกลามอย่างต่อเนื่อง บริเวณทางตอนใต้ของอ่าง ลุกลามต่อเข้าไปยังป่าเสม็ดขาวพื้นที่ป่าสมบูรณ์ เข้าประชิดกับพื้นที่ศึกษาของมูลนิธิชัยพัฒนา เจ้าหน้าที่เร่งควบคุม ขณะที่เดียวกันยังมีรายงานไฟป่าที่ปะทุขึ้นใหม่ในพื้นที่ ต.เคร็ง อ.ชะอวด และพื้นที่ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ อย่างรุนแรง และยังไม่สามารถควบคุมได้