xs
xsm
sm
md
lg

ท่องเที่ยวซบพ่นพิษใส่อสังหาฯ ภูเก็ตแล้ว นักลงทุนไม่มั่นใจชะลอขึ้นโครงการ ทำเม็ดเงินสูญเหลือแค่หมื่นกว่าล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เมื่อสถานการณ์ท่องเที่ยวซบเซา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องในภูเก็ตเป็นลูกโซ่ ธุรกิจอสังหาฯ ก็หนีไม่พ้น ได้รับผลกระทบโดยตรง ผู้ประกอบการไม่มั่นใจตลาด ชะลอการลงทุนเพียบ ทำเม็ดเงินลงทุนหาย 20-30% เหลือแค่หมื่นกว่าล้านจากปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท

ภายใต้สถานการณ์การท่องเที่ยวภูเก็ตที่กำลังซบเซาอย่างหนักในช่วงโลว์ซีซันปีนี้ จากหลายๆ ปัจจัยที่ถาโถมเข้ามา ทั้งปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ความไม่สงบในอ่าวเปอร์เซีย ค่าเงินบาทที่แข็งตัว รวมไปถึงช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้าน้อย ซึ่งที่ผ่านมา จะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาทดแทน แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มทัวร์ยังไม่กลับภูเก็ตทั้งหมด จากผลพวงของเรือฟินิกซ์ล่มเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ทำให้จีนยังไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของภูเก็ต แม้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะพยายามกำหนดมาตรการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม ส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงโลว์ซีซัน ทำให้ท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซาอย่างหนักอยู่ในขณะนี้

ท่องเที่ยวคือเศรษฐกิจหลักของภูเก็ต เมื่อท่องเที่ยวทรุด ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังธุรกิจอื่นๆ ในภูเก็ตที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและภาคส่วนอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในภูเก็ตที่เติบโตตามการท่องเที่ยวมาโดยตลอด มาวันนี้เมื่อท่องเที่ยวหดตัว รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผยกับ “ผู้จัดการออนไลน์ภาคใต้” ถึงสถานการณ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ภายใต้สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ ว่า ภาพรวมการลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ภูเก็ตขณะนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว ผู้ประกอบการไม่กล้าตัดสินใจขึ้นโครงการใหม่ๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะวางแผนขึ้นในหลายๆโครงการแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องชะลอโครงการออกไปก่อน จากหลายปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้และเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการท่องเที่ยวภูเก็ตที่กำลังซบเซาอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม เพราะเมื่อท่องเที่ยวซบเซารายได้ที่เกิดจากการท่องเที่ยวน้อยลง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย

นอกจากนี้ ทางผู้ประกอบการไม่มั่นใจในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อได้ยากขึ้นสำหรับบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป ราคาประเมินที่กรมธนารักษ์จะประกาศออกมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินขยับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงในส่วนของผังเมืองรวมเกาะภูเก็ตที่ยังไม่ออกมา แม้กระทั่งภาษีที่ดินก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจชะลอการขึ้นโครงการใหม่ๆ ไว้ก่อน

“จากการชะลอการลงทุนในช่วงนี้ น่าที่จะทำให้มูลค่าการลงทุนด้านอสังหาฯ ในภูเก็ตลดลงไม่ต่ำกว่า 20-30% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดตลอดทั้งปี ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ทั้งจากการลงทุนบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และธุรกิจรีเทล จะเหลือประมาณ 10,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น” นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เผยต่อว่า

ในกลุ่มบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่รงราคาระดับกลางถึงล่าง ไม่เกินยูนิตละ 6 ล้าบาท เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้เป็นตลาดกลุ่มคนทำงาน ซึ่งจะมีความกังวลในเรื่องรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะเพียงพอต่อการผ่อนชำระหรือไม่ ซึ่งเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ถ้าเป็นกลุ่มตลาดราคาเกิน 6 ล้านบาทขึ้นไปนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์อยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของการผ่อนชำระกับธนาคาร

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ระบุอีกว่า การชะลอการลงทุนอสังหาฯ ภูเก็ตนั้นน่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นในช่วงนี้ เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน เพราะอย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็ต้องลงทุนเพิ่ม เนื่องจากได้มีการเตรียมวางแผนไว้แล้วทั้งในเรื่องของที่ดิน และอื่นๆ หากไม่ลงทุนก็จะต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการชะลอไม่น่าจะนานเกินสิ้นปีนี้ เพื่อรอดูสถานการณ์ให้มั่นใจก่อน ทั้งมาตรการต่างๆ สถานการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ต เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผู้ประกอบการก็จะตัดสินใจขึ้นโครงการทันที ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม

ส่วนกลุ่มทุนต่างชาตินั้นยังเข้ามาลงทุนในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากจีนยังคงเข้ามาลงทุนในภูเก็ต เพราะมองเห็นศักยภาพการลงทุน เพียงแต่เอเยนต์จะต้องเจาะให้ถูกกลุ่มเท่านั้นเอง

นายกสมาคมอสังหาฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการประกาศขายกิจการต่างๆ ในภูเก็ตที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยว ภายหลังสถานการณ์การท่องเที่ยวซบเซา ว่า มีกระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการลงทุนหากสายป่านไม่ยาวก็จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการก็ต้องหาทางออกสำหรับธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นการประกาศขายในระยะสั้นๆ ก็เป็นไปได้ เมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติก็กลับมาทำธุรกิจต่อไป หรือเมื่อมีการเสนอขายแล้วได้ราคาดีก็อาจจะขายก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น