xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร-นิพนธ์” รับปากดันเต็มสูบ 9 เมกะโปรเจกต์ที่สงขลา เอกชนมั่นใจ 4 รมต.-8 ส.ส.ร่วมรัฐบาลหนุนช่วย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ถาวร เสนเนียม” และ “นิพนธ์ บุญญามณี” รับปากพร้อมดันเต็มสูบ 9 เมกะโปรเจกต์ที่ จ.สงขลา ขณะที่ภาคเอกชนมั่นใจใน 4 รมต. และอีก 8 ส.ส.จากสงขลา ร่วมรัฐบาลประยุทธ์ 2 หนุนช่วยเต็มที่

วันนี้ (12 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมบุรีศรีภู บูติกโฮเต็ล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) จ.สงขลา พบ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ตัวแทนผู้ว่าราชการจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนา จ.สงขลา โดยมี นายกวิศพงษ์ สิรินนนท์สกุล ประธานหอการค้า และตัวแทนภาคเอกชน จ.สงขลา และผู้เกี่ยวข้องประมาณ 100 คนเข้าร่วม

นายกวิพงษ์ สิรินนนท์สกุล กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน จ.สงขลา ได้จัดประชุมหารือข้อเสนอแนวทางในการพัฒนา จ.สงขลา เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรี โดยในที่ประชุมได้มีมติเสนอโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา เชื่อมโยงเครือข่ายกับคมนาคมพื้นฐานอื่นๆ ช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของไทย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะเกิดการพัฒนา และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคในทุกด้าน

“โครงการมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา เตรียมรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจการส่งออกในไทย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายหาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย เป็นโครงข่ายสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการค้า การท่องเที่ยวระหว่างไทยกับมาเลเซียเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันการค้า การส่งออกที่ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ รายได้อันดับต้นๆ ของการค้าชายแดน”
 

 
นายกวิพงษ์ กล่าวอีกว่า โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ฝั่งตะวันออก เพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงข่ายเส้นทางคมนาคม รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสังคมในอนาคตของพื้นที่เมืองหาดใหญ่ ให้เกิดเป็นโครงข่ายถนนวงแหวนรอบเขตเมืองหาดใหญ่ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง และขนส่งสินค้า มีความปลอดภัย และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในเขตตัวเมืองหาดใหญ่

ส่วนโครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 เนื่องจากท่าเรือน้ำลึกสงขลา ที่เปิดดำเนินการเมื่อปี 2531 ไม่สามารถรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้น กรมเจ้าท่าได้พยายามจะขยายท่าเรือน้ำลึก แต่ไม่สามารถขยายได้ เนื่องจากมีแนวคูเมืองเก่า

“โครงการ Songkhla First Chinatown เป็นโครงการที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียง จุดเริ่มต้นที่บ่อเก๋ง อ.สิงหนคร ซึ่งเป็นจุดแรกที่ชาวจีนโพ้นทะเลอพยพเข้ามายังประเทศไทย จ.สงขลา ก่อนสมัยสุโขทัย โดยจะมีการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณประตูเมืองเก่า สืบสานเส้นทางประวัติศาสตร์ของชาวจีนแห่งแรกของสยาม พัฒนาการท่องเที่ยวที่มั่นคง ยั่งยืน และเชื่อมต่อเป็นเส้นทางท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน สู่การท่องเที่ยวระดับสากล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

นายกวิพงษ์ กล่าวด้วยว่า การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดสงขลา-สตูล-พัทลุง เป็นกลุ่มจังหวัดใหม่ เนื่องจากมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ จัดตั้งกลุ่ม 18 กลุ่มจังหวัด 6 ภาค ในส่วนของภาคใต้ กลุ่มจังหวัดภาคใต้อ่าวไทยมี จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา โดยให้ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
 

 
ขณะที่โครงการ Duty Free Zone ให้ จ.สงขลา เป็นพื้นที่ปลอดภาษีในเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณด่านนอก และปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จากแนวคิดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และส่งเสริมการลงทุนของ จ.สงขลา และเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สงขลา เพิ่มให้การขยายตัว และเพิ่มโอกาสในการค้า และการลงทุน กำหนดบริเวณพื้นที่เศรษฐกิจในพื้นที่ด่านนอก ปาดังเบซาร์ เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ปลอดภาษี และโครงการจัดการจราจรอัจฉริยะ

“โครงการ Mice City จ.สงขลา โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับเมืองต่างๆ ของไทย ให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการจัดประชุมองค์กร การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมวิชาชีพ และการจัดนิทรรศการ และงานแสดงสินค้านานาชาติ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้จัดงาน อันเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ เพราะปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ได้ลงนามกับเมืองหลักใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ เมืองพัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น ทีเส็บจึงเห็นว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองไมซ์ ซิตี”

นายกวิศพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อเสนอแนวทางการพัฒนา จ.สงขลา ที่ได้มาจากการประชุม กกร. เพื่อยื่นให้แก่ภาคการเมือง ซึ่งมีรัฐมนตรีจาก จ.สงขลา นั่งในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ถึง 4 คน รวมทั้งอีก 8 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนองตอบ
 

 
ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่ภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการเมืองได้นั่งปรึกษาหารือร่วมกัน ปัญหา และความต้องการมาจากภาคเอกชนที่สัมผัสอยู่จริง โครงการที่ภาคเอกชนเสนอมาทั้งหมด ภาคการเมืองจะรับไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จ.สงขลา การค้าชายแดนที่สร้างรายได้ปีละ 7 แสนล้านบาท ต้องขับเคลื่อนร่วมกัน ท่ามกลางความขัดแย้งของการค้าโลก และการสร้างขีดความสามารถ

“ท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 1 ไม่เพียงพอต่อการขนส่งสินค้า ต้องอาศัยท่าเรือปีนังในการขนถ่ายสินค้า ร้อยละ 70 ขนส่งสินค้าของภาคใต้ของไทย และการค้าชายแดน สร้างภาระผู้ส่งออก หากขยายท่าเรือสงขลา แห่งที่ 2 สามารถลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ ดังนั้น ทุกโครงสร้างพื้นฐานที่ภาคเอกชนเสนอต้องขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น” นายนิพนธ์ กล่าว
 



กำลังโหลดความคิดเห็น