ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดปม? ทำไมท่องเที่ยวภูเก็ตซบหนักในรอบหลายปี สาเหตุที่แท้เกิดจากอะไร ผู้ประกอบการแฉขาดความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย เงินบาทแข็ง ทำเปลี่ยนเส้นทางไปที่อื่นแทนในราคาที่ถูกกว่าแต่คุณภาพเท่ากัน
เมื่อพูดถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบหนักในรอบหลายปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง แล้วอะไรล่ะที่เป็นสาเหตุทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซาอย่างหนัก
นายก้องศักดิ์ ภู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.ของทุกปี ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 20-30% ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงก็เกิดจากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน ก.ค.ไป คิดว่าน่าจะมีสัญญาณที่ดี เนื่องจากช่วงนี้จะมีตลาดนักท่องเที่ยวจากเอเชีย และออสเตรเลียเข้ามาทดแทนตลาดยุโรปที่หายไปช่วงนี้ ซึ่งเริ่มมีการจองเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังมีความกังวลว่าจะมียอดจองเข้ามามากเหมือนกับปีที่ผ่านมาหรือไม่ หรือจะทรงตัวเช่นเดียวกับเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทุกคนก็คาดหวังว่าจำนวนเข้าพักน่าจะดีขึ้น
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้การท่องเที่ยวซบเซานั้นมีมาจากหลายปัจจัยที่มารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนมาก ทำให้ทุกๆ ตลาดที่เป็นตลาดทดแทนและตลาดหลักต่างก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นตลาดยุโรปที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซามานาน หรือเอเชียเองภาวะเศรษฐกิจก็อยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากมีความกังวลของกลุ่มนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ อเมริกา กับจีน ทำให้ทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวหยุดการเคลื่อนไหว
ขณะที่ปัญหาภายในประเทศก็เป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาความไม่ชัดเจนทางการเมือง และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังรอรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และขับเคลื่อนประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายที่เข้ามาสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไรเกิดขึ้นเลย
และอีกปัจจัยที่มองว่าส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด คือ นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ปัญหาการแข่งขันภายในประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีการเติบโตของธุรกิจในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ทุกอย่างมีการลงทุนและโตแบบก้าวกระโดด เพื่อไปรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ถ้ามองไปเมือง 5 ปีที่แล้วจะพบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวของเรามีจำนวนต่ำกว่า 9 ล้านคนอยู่เลย แต่เมื่อมามองปัจจุบัน พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มมาอยู่ที่ 14 ล้านคน
จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีทำให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนเพิ่มในทุกๆ ด้าน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวไม่โตขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะสิ่งที่สร้างขึ้นมารองรับมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามา ปัจจุบันตัวเลขจำนวนห้องพักมีไม่ชัดเจนแต่เชื่อว่ามีมากกว่า 4 แสนห้องพัก ในแต่ละปีมีโรงแรมเกิดขึ้นมาเยอะมาก เฉพาะโรงแรมใหญ่ก็มีมากกว่าปีละ 10 แห่ง
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อจำนวนห้องพักมีมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทำให้กลุ่มผู้ประกอบการบางรายที่ไม่สามารถแบกรับภาระได้ก็ต้องมีการประกาศขาย ซึ่งก็มีกันอยู่เรื่อยๆ ถ้าเข้าโลว์ซีซันเมื่อไหร่ก็จะมีการประกาศขายกันตลอด แต่ปีนี้อาจจะมีมากกว่าทุกปี เนื่องจากอัตราการแข่งขันที่สูง โรงแรมเพิ่มมากขึ้นทำให้การประกอบธุรกิจไม่ได้กำไรเหมือนทุกปี ทำเลอยูในพื้นที่ไม่ดีก็ตัดสินใจประกาศขายมากกว่าปกติที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆ แล้วจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปีนี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน แต่จำนวนที่พักมีมากขึ้นทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวกระจายไปยังโรงแรมต่างๆ ยอดอัตราการเข้าพักของแต่ละโรงแรมก็ย่อมลดลงด้วย ประกอบกับปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาน้อยกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เห็นภาพชัดว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซา
ส่วนเรื่องของการลดราคาห้องพัก ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ราคาห้องพักก็จะลดลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้การแข่งขันมีมาก ผู้ประกอบการต่างก็ลดราคากันลงมาเพื่อให้สามารถอยู่ได้ โดยปีนี้บางโรงแรมลดราคาต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมามากถึง 20-50% เพื่อต้องแย่งชิงลูกค้ากัน
ซึ่งปัจจัยเหลี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่จะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป แต่สิ่งที่ทางผู้ประกอบการอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาแก้ไขเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่การท่องเที่ยว คือ เรื่องของระบบสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอในการรองรับนักท่องเที่ยวที่โตแบบก้าวกระโดด ทั้งถนนหนทาง ระบบไฟฟ้า เรื่องของน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ไหนไม่มีความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเองก็ไม่อยากที่จะเดินทางไป ซึ่งรัฐควรที่จะเตรียมให้พร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
ขณะที่นายภูริต มาศวงศ์ศา ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมป่าตองรีสอร์ท อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และอดีตอุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวในทำนองเดียวกัน ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวซบเซาเริ่มเห็นมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวภูเก็ตเริ่มเข้าสู่ไฮซีซัน นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดยุโรปเข้ามา ทำให้ภูเก็ตไม่เงียบ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มดังกล่าว แต่เมื่อช่วงเวลาเวียนกลับมาสู่ช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับเรือล่ม นักท่องเที่ยวตลาดหลักของภูเก็ตอย่าง จีน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงก็หายไป เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งนอกจากจีนยังมีรัสเซีย ออสเตรเลีย ก็ลดลงด้วย เมื่อนักท่องเที่ยวเหล่านี้หายไปก็ทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และลดน้อยลงจากช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังคงเดินทางท่องเที่ยว ไม่ได้หายไปไหน แต่ไม่มาภูเก็ตเท่านั้น ปัจจุบันพบว่านักท่องเที่ยวจีน รัสเซีย ออสเตรเลียเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นพม่า เวียดนาม บาหลี ฟิลิปปินส์ ทำไมนักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปประเทศเหล่านั้น
เช่น รัสเซียเลือกที่จะไปเที่ยวเวียดนามแทนมาภูเก็ต เพราะความคุ้นเคย และที่สำคัญคือ เรื่องของราคาที่ถูกกว่าบ้านเรามาก ในขณะที่คุณภาพแหลงท่องเที่ยวดีเท่าๆ กับเรา บริษัททัวร์เองก็หันไปขายในตลาดเหล่านี้แทน ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มออสเตรเลียก็เลือกที่จะไปบาหลีแทนมาภูเก็ต เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกและใกล้กว่าที่จะเดินทางมาบ้านเรา เช่นเดียวกับจีนที่ไม่เดินทางมาบ้านเราเพราะยังไม่มีความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย เรื่องราวบางเรื่องไม่มีข่าวเกิดขึ้นที่ประเทศไทย แต่กลับไปมีข่าวอยู่ในสื่อต่างประเทศ เช่น การทำร้ายนักท่องเที่ยว และอื่นๆ เหตุการณ์เหล่านี้เมื่อเขาเห็นก็ทำให้เกิดการต่อต้านและเลือกที่จะไม่เดินทางมาบ้านเรา
นายภูริต กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามามีหลายเรื่อง แต่เรื่องหลักๆ คิดว่าไม่น่าจะกี่ปัจจัย โดยเฉพาะช่วงนี้ เรื่องของความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อเขาไม่มีความเชื่อมันเขาก็ไม่เดินทางเข้ามา นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของราคาและคุณภาพสินค้า ปัจจุบันราคาของเราไปผูกติดกับระบบทุน ทำให้ราคาทุกอย่างแพงขึ้น เมื่อราคาสูงเกินไปนักท่องเที่ยวก็เลือกที่จะเดินทางไปที่อื่นแทนที่คุณภาพดีพอๆ กันแต่ราคาถูกกว่า
และปัจจัยหลักตอนนี้คือ เรื่องของเงินบาทที่แข็งตัวมากทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยลงทำให้การท่องเที่ยวถดถอย สิ่งที่เกิดตามมาคือการขายกิจการเพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การลงทุนต่างๆ ในภูเก็ตโตแบบก้าวกระโดด แต่เมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้ทำเอาช็อกไปทั้งวงการ โรงแรมประกาศขาย เคาน์เตอทัวร์ปิดเพราะไม่มีคนซื้อ นักท่องเที่ยวที่มาอยู่ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ใช้เงินสด เช่น จีนที่เป็นนักท่องเที่ยว FIT จะใช้จ่ายเงินผ่านทางระบบออนไลน์เกือบทั้งหมด ต่างกับกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางมาที่จะแวะซื้อสินค้าตามที่ต่างๆ ทำให้รายได้กระจายไปในทุกที่ แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อยไม่ได้รับผลประโยชน์สิ่งเหล่านี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มอินเดียที่เดินทางเข้ามามากในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจับจ่าย
นายภูริต กล่าวต่อไปวา สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำเพื่อแก้ปัญหาทางด้านการท่องเที่ยว คือ การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วจะต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตลอดเวลาที่เข้ามาเที่ยว จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องการทำร้ายนักท่องเที่ยว ฉกชิงวิ่งราว และปัญหาจากอุบัติเหตุการเสียชีวิต และอื่นๆ นอกจากนั้น ในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคจะต้องมีการเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงเรื่องของราคาการบริการที่จะต้องเป็นธรรม คุณภาพสินค้าได้มาตรฐานการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
เพราะถ้าพูดถึงการทำตลาด เรามีอยู่จำนวนเท่าเดิม คือ 138 ประเทศ มีนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มลูกค้าเรา 36 ประเทศ เดินทางเข้ามา 38 ล้านคน แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 5 ล้านคน ซึ่ง 5 ล้านคนที่หายไปเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแบบกรุ๊ปทัวร์ สาเหตุก็เนื่องจากความไม่เชื่อมันเรื่องของความปลอดภัย ทำให้บริษัททัวร์หันไปขายทัวร์ให้ประเทศเพื่อนบ้านแทน เราจึงจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย เรื่องของระบบสาธารณูปโภค และเรื่องของความคุ้มค่าในการเดินทางมาท่องเที่ยว
เมื่อพูดถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบหนักในรอบหลายปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง แล้วอะไรล่ะที่เป็นสาเหตุทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซาอย่างหนัก
นายก้องศักดิ์ ภู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.ของทุกปี ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 20-30% ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงก็เกิดจากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน ก.ค.ไป คิดว่าน่าจะมีสัญญาณที่ดี เนื่องจากช่วงนี้จะมีตลาดนักท่องเที่ยวจากเอเชีย และออสเตรเลียเข้ามาทดแทนตลาดยุโรปที่หายไปช่วงนี้ ซึ่งเริ่มมีการจองเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังมีความกังวลว่าจะมียอดจองเข้ามามากเหมือนกับปีที่ผ่านมาหรือไม่ หรือจะทรงตัวเช่นเดียวกับเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทุกคนก็คาดหวังว่าจำนวนเข้าพักน่าจะดีขึ้น
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้การท่องเที่ยวซบเซานั้นมีมาจากหลายปัจจัยที่มารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนมาก ทำให้ทุกๆ ตลาดที่เป็นตลาดทดแทนและตลาดหลักต่างก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นตลาดยุโรปที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซามานาน หรือเอเชียเองภาวะเศรษฐกิจก็อยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากมีความกังวลของกลุ่มนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ อเมริกา กับจีน ทำให้ทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวหยุดการเคลื่อนไหว
ขณะที่ปัญหาภายในประเทศก็เป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาความไม่ชัดเจนทางการเมือง และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังรอรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และขับเคลื่อนประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายที่เข้ามาสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไรเกิดขึ้นเลย
และอีกปัจจัยที่มองว่าส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด คือ นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ปัญหาการแข่งขันภายในประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีการเติบโตของธุรกิจในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ทุกอย่างมีการลงทุนและโตแบบก้าวกระโดด เพื่อไปรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ถ้ามองไปเมือง 5 ปีที่แล้วจะพบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวของเรามีจำนวนต่ำกว่า 9 ล้านคนอยู่เลย แต่เมื่อมามองปัจจุบัน พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มมาอยู่ที่ 14 ล้านคน
จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีทำให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนเพิ่มในทุกๆ ด้าน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวไม่โตขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะสิ่งที่สร้างขึ้นมารองรับมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามา ปัจจุบันตัวเลขจำนวนห้องพักมีไม่ชัดเจนแต่เชื่อว่ามีมากกว่า 4 แสนห้องพัก ในแต่ละปีมีโรงแรมเกิดขึ้นมาเยอะมาก เฉพาะโรงแรมใหญ่ก็มีมากกว่าปีละ 10 แห่ง
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อจำนวนห้องพักมีมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทำให้กลุ่มผู้ประกอบการบางรายที่ไม่สามารถแบกรับภาระได้ก็ต้องมีการประกาศขาย ซึ่งก็มีกันอยู่เรื่อยๆ ถ้าเข้าโลว์ซีซันเมื่อไหร่ก็จะมีการประกาศขายกันตลอด แต่ปีนี้อาจจะมีมากกว่าทุกปี เนื่องจากอัตราการแข่งขันที่สูง โรงแรมเพิ่มมากขึ้นทำให้การประกอบธุรกิจไม่ได้กำไรเหมือนทุกปี ทำเลอยูในพื้นที่ไม่ดีก็ตัดสินใจประกาศขายมากกว่าปกติที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆ แล้วจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปีนี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน แต่จำนวนที่พักมีมากขึ้นทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวกระจายไปยังโรงแรมต่างๆ ยอดอัตราการเข้าพักของแต่ละโรงแรมก็ย่อมลดลงด้วย ประกอบกับปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาน้อยกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เห็นภาพชัดว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซา
ส่วนเรื่องของการลดราคาห้องพัก ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ราคาห้องพักก็จะลดลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้การแข่งขันมีมาก ผู้ประกอบการต่างก็ลดราคากันลงมาเพื่อให้สามารถอยู่ได้ โดยปีนี้บางโรงแรมลดราคาต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมามากถึง 20-50% เพื่อต้องแย่งชิงลูกค้ากัน
ซึ่งปัจจัยเหลี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่จะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป แต่สิ่งที่ทางผู้ประกอบการอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาแก้ไขเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่การท่องเที่ยว คือ เรื่องของระบบสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอในการรองรับนักท่องเที่ยวที่โตแบบก้าวกระโดด ทั้งถนนหนทาง ระบบไฟฟ้า เรื่องของน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ไหนไม่มีความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเองก็ไม่อยากที่จะเดินทางไป ซึ่งรัฐควรที่จะเตรียมให้พร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
ขณะที่นายภูริต มาศวงศ์ศา ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมป่าตองรีสอร์ท อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และอดีตอุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวในทำนองเดียวกัน ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวซบเซาเริ่มเห็นมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวภูเก็ตเริ่มเข้าสู่ไฮซีซัน นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดยุโรปเข้ามา ทำให้ภูเก็ตไม่เงียบ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มดังกล่าว แต่เมื่อช่วงเวลาเวียนกลับมาสู่ช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับเรือล่ม นักท่องเที่ยวตลาดหลักของภูเก็ตอย่าง จีน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงก็หายไป เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งนอกจากจีนยังมีรัสเซีย ออสเตรเลีย ก็ลดลงด้วย เมื่อนักท่องเที่ยวเหล่านี้หายไปก็ทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตซบเซาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และลดน้อยลงจากช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังคงเดินทางท่องเที่ยว ไม่ได้หายไปไหน แต่ไม่มาภูเก็ตเท่านั้น ปัจจุบันพบว่านักท่องเที่ยวจีน รัสเซีย ออสเตรเลียเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นพม่า เวียดนาม บาหลี ฟิลิปปินส์ ทำไมนักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปประเทศเหล่านั้น
เช่น รัสเซียเลือกที่จะไปเที่ยวเวียดนามแทนมาภูเก็ต เพราะความคุ้นเคย และที่สำคัญคือ เรื่องของราคาที่ถูกกว่าบ้านเรามาก ในขณะที่คุณภาพแหลงท่องเที่ยวดีเท่าๆ กับเรา บริษัททัวร์เองก็หันไปขายในตลาดเหล่านี้แทน ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มออสเตรเลียก็เลือกที่จะไปบาหลีแทนมาภูเก็ต เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกและใกล้กว่าที่จะเดินทางมาบ้านเรา เช่นเดียวกับจีนที่ไม่เดินทางมาบ้านเราเพราะยังไม่มีความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย เรื่องราวบางเรื่องไม่มีข่าวเกิดขึ้นที่ประเทศไทย แต่กลับไปมีข่าวอยู่ในสื่อต่างประเทศ เช่น การทำร้ายนักท่องเที่ยว และอื่นๆ เหตุการณ์เหล่านี้เมื่อเขาเห็นก็ทำให้เกิดการต่อต้านและเลือกที่จะไม่เดินทางมาบ้านเรา
นายภูริต กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามามีหลายเรื่อง แต่เรื่องหลักๆ คิดว่าไม่น่าจะกี่ปัจจัย โดยเฉพาะช่วงนี้ เรื่องของความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อเขาไม่มีความเชื่อมันเขาก็ไม่เดินทางเข้ามา นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของราคาและคุณภาพสินค้า ปัจจุบันราคาของเราไปผูกติดกับระบบทุน ทำให้ราคาทุกอย่างแพงขึ้น เมื่อราคาสูงเกินไปนักท่องเที่ยวก็เลือกที่จะเดินทางไปที่อื่นแทนที่คุณภาพดีพอๆ กันแต่ราคาถูกกว่า
และปัจจัยหลักตอนนี้คือ เรื่องของเงินบาทที่แข็งตัวมากทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยลงทำให้การท่องเที่ยวถดถอย สิ่งที่เกิดตามมาคือการขายกิจการเพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การลงทุนต่างๆ ในภูเก็ตโตแบบก้าวกระโดด แต่เมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้ทำเอาช็อกไปทั้งวงการ โรงแรมประกาศขาย เคาน์เตอทัวร์ปิดเพราะไม่มีคนซื้อ นักท่องเที่ยวที่มาอยู่ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ใช้เงินสด เช่น จีนที่เป็นนักท่องเที่ยว FIT จะใช้จ่ายเงินผ่านทางระบบออนไลน์เกือบทั้งหมด ต่างกับกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางมาที่จะแวะซื้อสินค้าตามที่ต่างๆ ทำให้รายได้กระจายไปในทุกที่ แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อยไม่ได้รับผลประโยชน์สิ่งเหล่านี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มอินเดียที่เดินทางเข้ามามากในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจับจ่าย
นายภูริต กล่าวต่อไปวา สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำเพื่อแก้ปัญหาทางด้านการท่องเที่ยว คือ การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วจะต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตลอดเวลาที่เข้ามาเที่ยว จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องการทำร้ายนักท่องเที่ยว ฉกชิงวิ่งราว และปัญหาจากอุบัติเหตุการเสียชีวิต และอื่นๆ นอกจากนั้น ในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคจะต้องมีการเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงเรื่องของราคาการบริการที่จะต้องเป็นธรรม คุณภาพสินค้าได้มาตรฐานการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
เพราะถ้าพูดถึงการทำตลาด เรามีอยู่จำนวนเท่าเดิม คือ 138 ประเทศ มีนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มลูกค้าเรา 36 ประเทศ เดินทางเข้ามา 38 ล้านคน แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 5 ล้านคน ซึ่ง 5 ล้านคนที่หายไปเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแบบกรุ๊ปทัวร์ สาเหตุก็เนื่องจากความไม่เชื่อมันเรื่องของความปลอดภัย ทำให้บริษัททัวร์หันไปขายทัวร์ให้ประเทศเพื่อนบ้านแทน เราจึงจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย เรื่องของระบบสาธารณูปโภค และเรื่องของความคุ้มค่าในการเดินทางมาท่องเที่ยว