xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ร่วมกรมประมง เปิดปฏิบัติการพิเศษสอดรับจุดยืนอาเซียน ทำให้เรือประมงผิดกฎหมายหมดไปจากภูมิภาค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ระนอง - ตำรวจ ร่วมกรมประมง เปิดปฏิบัติการพิเศษสอดรับจุดยืนอาเซียน ให้การทำประมงผิดกฎหมายหมดไปจากภูมิภาค พร้อมเผยผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา จับกุมเรือที่ทำผิดกฎหมายมากถึง 66 ลำ

วันนี้ (7 ก.ค.) ที่แพแสนสดใส หมู่ที่ 5 ตำบลปากน้ำท่าเรือ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบช.กมค./ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ศูนย์บัญชาการการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้ลงพื้นที่กำชับติดตามการดำเนินคดีการทำประมงผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดระนอง จากการปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกรมประมงในการจับกุมเรือประมงที่กระทำความผิด จำนวน 66 ลำ พร้อมเปิดเผยว่า ตามนโนบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ติดตามกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้เข้มงวดกวดขันการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องต่อจุดยืนของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้หมดไปจากภูมิภาค

ตนในฐานะเป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ได้ดำเนินการร่วมกับกรมประมง ในการตรวจสอบติดตามและบังคับใช้กฎหมายการทำประมงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 22-30 มิ.ย.62 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด SAT (Spacial Arrest Team) พร้อมเจ้าหน้าที่กรมประมง ประกอบด้วย เรือตรวจการณ์กรมประมง และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์น้ำระนอง หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะสุรินทร์ พังงา ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาที่ทำการประมงผิดกฎหมายที่จังหวัดระนอง สามารถแบ่งกลุ่มประเภทการกระทำความผิดได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

เรือกลุ่มที่ 1 จำนวน 7 ลำ จับกุมในช่วงวันที่ 26-27 มิ.ย.62 ในพื้นที่จ.ระนอง ความผิดฐานปลอมแปลงปิดบังหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายประจำเรือประมง หรือทะเบียนเรือประมง อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 165 และฐานร่วมกันนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตาม พระราชกำหนดการประมงฯ มาตรา 92 มาตรา 95 และมาตรา 96 ประกอบมาตรา 158 ลงโทษปรับห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่นำเข้า สถานที่เกิดเหตุบริเวณแพ พี เจ ที่อยู่ 92/20 หมู่ 5 ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2562 เวลาประมาณ 19.10 น. และควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เรือกลุ่มที่ 2 จำนวน 59 ลำ จับกุมในระหว่างวันที่ 22-30 มิ.ย.62 ซึ่งกักและล็อกไว้ ณ ท่าเทียบเรือต่างๆ ใน จ.ระนอง (ตาม พ.ร.ก.การประมงฯ มาตรา 95 และ มาตรา 105(2) คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2560 ข้อ 22) ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้ควบคุมเรือลักลอบนำเรือประมงต่างประเทศเข้ามาในน่านน้ำไทยและเข้าเทียบท่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมประมง” (เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือฯ มาตรา 17 และมีโทษตาม ม.24 ประกอบกับประกาศกรมเจ้าท่า ฉบับที่ 51/2561 ลง 19 มี.ค.2561 ข้อ 9 และข้อ 11 ประกอบการประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การแจ้งข้อมูลล่วงหน้าและกำหนดท่าเทียบเรือของเรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทยที่ประสงค์จะเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2560 ลง 9 พ.ย. 2560)

และความผิดฐานปลอมแปลงปิดบังหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายประจำเรือประมง หรือทะเบียนเรือประมง อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 165 และความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการประมงฯ มาตรา 92 มาตรา 95 และมาตรา 96 ประกอบมาตรา 158 ลงโทษปรับห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่นำเข้า และแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 11 ประกอบมาตรา 62 ส่วนความผิดในข้อหาอื่นอยู่ในระหว่างสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ยังกล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมการทำประมงผิดกฎหมายแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและศักยภาพของประเทศไทยระหว่างดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน รวมทั้งแสดงจุดยืนของภูมิภาคอาเซียนที่จะปลอดการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Free) ให้หมดไปจากภูมิภาค โดยที่ผ่านมา จากการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมประมงในการควบคุมการทำประมงผิดกฎหมาย ทำให้สถิติการเกิดคดีการทำประมงผิดกฎหมายมีการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2559 มี 3,270 คดี ปี 2560 มี 958 คดี ปี 61 มี 574 คดี ปี 62 จนถึงปัจจุบัน 333 คดี ล่าสุด จากการทำประมงผิดกฎหมาย เมื่อเดือน พ.ค.62 ที่ผ่านมา ศาลสั่งปรับเรือโชคชัยนาวี 35 พร้อมยึดเรือสินค้าบนเรือ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

ซึ่งผลการดำเนินการเกิดจากการประชุมเมื่อเดือนเมษายน 62 ที่ผ่านมา กรมประมงได้จัดการประชุม The ASEAN Meeting on Combating IUU Fishing in Partnership with the EU มีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน องค์กรระหว่างประเทศด้านการประมง และผู้แทนจากสหภาพยุโรป (อียู) 70 ราย หารือพร้อมทั้งเร่งผลักดันการจัดตั้ง ASEAN IUU Fishing Task Force เพื่อแสดงถึงจุดยืนร่วมกันที่จะมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายให้หมดไปจากภูมิภาค


กำลังโหลดความคิดเห็น