ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการโอด! ท่องเที่ยวภูเก็ตซบหนักสุดรอบ 10 ปี กระทบจากโลว์ซีซัน การเมือง เศรษฐกิจ “ป่าตอง” ทำเลยอดฮิต ยังนิ่งสนิท ผู้ประกอบการสถานบันเทิงเลิกกิจการ ไม่ต่อสัญญาแล้ว 20-30%

เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลังจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลง ตามแหลงท่องเที่ยว สถานประกอบการต่างๆ เริ่มเงียบเหงา อัตราการเข้าพักโรงแรมต่างๆ ก็เริ่มลดลงค่อนข้างมาก กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดหลัก คือ จีน ยุโรป และสแกนดิเนเวีย ชะลอการเดินทางเข้าภูเก็ตอย่างชัดเจน

นายวิรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า ปกติในช่วงโลว์ซีซันทุกปีสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีจำนวนลดน้อยลงอยู่แล้ว แต่โลว์ซีซันปีนี้หนักกว่าปีที่ผ่านมามาก และพบว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวปีนี้ซบหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ผู้ประกอบการทั้งโรงแรม และสถานบันเทิงต่างก็ออกมาสะท้อนค่อนข้างเยอะ ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาลดน้อยลง ขณะที่คุณภาพก็ลดลงทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงรายได้ก็ลดลงด้วย

สำหรับสาเหตุที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลงเกิดมาจากหลายสาเหตุ ทั้งสถานการณ์โลว์ซีซัน การเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีการขยับตัว โดยเฉพาะในส่วนของสถานบันเทิง รายไหนพอมีทุนก็สู้ต่อ แต่ถ้ารายไหนทุนน้อยก็ต้องหยุดกิจการ และไม่ต่อสัญญาเช่า ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้ประกอบการสถานบันเทิงมากกว่า 30% ที่ต้องเลิกกิจการ ขายกิจการ และไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ เนื่องจากแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว

นายวิรวิชญ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการท่องเที่ยวในภาพรวมของภูเก็ตจะดีหรือแย่ดูได้จากการท่องเที่ยวป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ถ้าการท่องเที่ยวของป่าตองไม่ดี สถานการณ์การท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็คงไม่ต่างกันถ้าป่าตองแย่ที่อื่นก็คงไม่ต่างกัน

ขณะที่ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานพิโซน่ากรุ๊ป ผู้ประกอบการโรงแรม และสถานบันเทิง ประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า จากการเก็บตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ปีนี้การท่องเที่ยวของภูเก็ตแย่ที่สุด ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของโลว์ซีซันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย เรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ปัญหาการกีดกันทางการค้า ปัญหาเรื่องเงินบาทที่แข็งขึ้น และเรื่องการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับประเทศไทยมีคู่แข่งทางด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว ที่หันมากระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง

เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตอยู่ได้ เราจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมทางด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาและสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเลือกไปเที่ยวที่อื่นแทนได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับตัวและรักษาภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป

นายปรีชาวุฒิ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวน้อยลง แผนที่จะพัฒนาไปสู่ไฮซีซันของผู้ประกอบการก็ต้องชะงักไป เมื่อไม่สามารถเดินต่อไป ก็ต้องหยุด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านเช่าในกลุ่มสถานบันเทิงได้ยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วประมาณ 30% ในส่วนของร้านอาหารต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับหน้าไฮซีซันพบว่า รายได้หายไปประมาณ 30% เมื่อรายได้หายก็ส่งผลให้มีการเลิกกิจการไปจำนวนมากเช่นเดียวกัน

ขณะที่แหล่งข่าวจากโรงแรมในย่านหาดป่าตอง แห่งหนึ่งกล่าวว่า ตั้งแต่หลังช่วงสงกรานต์เป็นต้นมาบรรยากาศท่องเที่ยวของภูเก็ตเงียบมาก โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของหาดหลักๆ อย่างป่าตอง กะตะ กะรน ตัวเลขลดลงมาอยู่ที่ 50% ขณะที่หาดอื่นๆ เช่น หาดกมลา หาดราไวย์ หาดในทอน หาดในยาง หาดบางเทา แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ทำให้โรงแรมต่างๆ ต้องอัดแคมเปญราคากันหนักมาก แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นได้ เพราะโลว์ซีซันปีนี้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะจริงๆ
เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลังจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลง ตามแหลงท่องเที่ยว สถานประกอบการต่างๆ เริ่มเงียบเหงา อัตราการเข้าพักโรงแรมต่างๆ ก็เริ่มลดลงค่อนข้างมาก กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดหลัก คือ จีน ยุโรป และสแกนดิเนเวีย ชะลอการเดินทางเข้าภูเก็ตอย่างชัดเจน
นายวิรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า ปกติในช่วงโลว์ซีซันทุกปีสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีจำนวนลดน้อยลงอยู่แล้ว แต่โลว์ซีซันปีนี้หนักกว่าปีที่ผ่านมามาก และพบว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวปีนี้ซบหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ผู้ประกอบการทั้งโรงแรม และสถานบันเทิงต่างก็ออกมาสะท้อนค่อนข้างเยอะ ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาลดน้อยลง ขณะที่คุณภาพก็ลดลงทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงรายได้ก็ลดลงด้วย
สำหรับสาเหตุที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลงเกิดมาจากหลายสาเหตุ ทั้งสถานการณ์โลว์ซีซัน การเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีการขยับตัว โดยเฉพาะในส่วนของสถานบันเทิง รายไหนพอมีทุนก็สู้ต่อ แต่ถ้ารายไหนทุนน้อยก็ต้องหยุดกิจการ และไม่ต่อสัญญาเช่า ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้ประกอบการสถานบันเทิงมากกว่า 30% ที่ต้องเลิกกิจการ ขายกิจการ และไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ เนื่องจากแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว
นายวิรวิชญ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการท่องเที่ยวในภาพรวมของภูเก็ตจะดีหรือแย่ดูได้จากการท่องเที่ยวป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ถ้าการท่องเที่ยวของป่าตองไม่ดี สถานการณ์การท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็คงไม่ต่างกันถ้าป่าตองแย่ที่อื่นก็คงไม่ต่างกัน
ขณะที่ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานพิโซน่ากรุ๊ป ผู้ประกอบการโรงแรม และสถานบันเทิง ประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า จากการเก็บตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ปีนี้การท่องเที่ยวของภูเก็ตแย่ที่สุด ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของโลว์ซีซันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย เรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ปัญหาการกีดกันทางการค้า ปัญหาเรื่องเงินบาทที่แข็งขึ้น และเรื่องการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับประเทศไทยมีคู่แข่งทางด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว ที่หันมากระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตอยู่ได้ เราจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมทางด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาและสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเลือกไปเที่ยวที่อื่นแทนได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับตัวและรักษาภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป
นายปรีชาวุฒิ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวน้อยลง แผนที่จะพัฒนาไปสู่ไฮซีซันของผู้ประกอบการก็ต้องชะงักไป เมื่อไม่สามารถเดินต่อไป ก็ต้องหยุด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านเช่าในกลุ่มสถานบันเทิงได้ยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วประมาณ 30% ในส่วนของร้านอาหารต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับหน้าไฮซีซันพบว่า รายได้หายไปประมาณ 30% เมื่อรายได้หายก็ส่งผลให้มีการเลิกกิจการไปจำนวนมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่แหล่งข่าวจากโรงแรมในย่านหาดป่าตอง แห่งหนึ่งกล่าวว่า ตั้งแต่หลังช่วงสงกรานต์เป็นต้นมาบรรยากาศท่องเที่ยวของภูเก็ตเงียบมาก โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของหาดหลักๆ อย่างป่าตอง กะตะ กะรน ตัวเลขลดลงมาอยู่ที่ 50% ขณะที่หาดอื่นๆ เช่น หาดกมลา หาดราไวย์ หาดในทอน หาดในยาง หาดบางเทา แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ทำให้โรงแรมต่างๆ ต้องอัดแคมเปญราคากันหนักมาก แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นได้ เพราะโลว์ซีซันปีนี้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะจริงๆ