xs
xsm
sm
md
lg

“พรรคประชาชาติ” ตั้งคณะทำงานศึกษากรณี กอ.รมน.ภาค 4 ให้ประชาชนใน จชต.ลงทะเบียนซิมการ์ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ปัตตานี - “พรรคประชาชาติ” จัดตั้งคณะทำงานศึกษากรณี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ประชาชนใน 3 จชต. และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ หวั่นสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน

วันนี้ (23 มิ.ย.) ตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ส่งข้อความให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และ อ.เทพา ระบุว่า กอ.รมน.ภาค 4 ขอให้ผู้ใช้บริการใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กับ 4 อำเภอสงขลา ลงทะเบียนซิมด้วยระบบตรวจสอบใบหน้า/อัตลักษณ์ภายใน 31 ต.ค.62 เช็กสถานะซิมกด *165*5* เลขบัตรประชาชน # โทร.ออก หากไม่ดำเนินการในวันที่กำหนดจะไม่สามารถใช้บริการได้ ฟังข้อมูลเพิ่มเติมกด *915653 ภาษายาวีกด *915654

การบังคับให้ประชาชนลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือ และบังคับให้สแกนใบหน้า และอัตลักษณ์นั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อาจต้องทบทวนอย่างละเอียดว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ แม้จะอ้างระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็ตาม

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าระเบียบ กสทช. มาตรา 26 ระบุว่า การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจำเป็นในการจำกัดสิทธิ และเสรีภาพไว้ด้วย

กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้บังคับใช้แก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารถึงกันไม่ว่าทางใดๆ การตรวจ การกัก หรือการเปิดเผยข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกัน รวมทั้งการกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อให้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกันจะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของศาล หรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
 

 
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคประชาชาติ สนับสนุนให้แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยหลักนิติธรรม สนับสนุนให้หน่วยงานด้านความมั่นคง บูรณาการทำงานร่วมกับภาคประชาชน เพื่อความสงบสุขของพื้นที่ โดยใช้แนวทางสันติวิธี และยึดรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดเป็นแนวทางการทำงาน ซึ่งการบังคับลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือ และพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น จำเป็นต้องผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อยกร่างเป็นกฎหมายจึงจะสามารถบังคับใช้ได้

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชาติ เห็นว่า ประเด็นนี้ได้สร้างความอึดอัดใจแก่ประชาชนในพื้นที่ จึงได้เตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคอย่างเร่งด่วน เพื่อหาทางออกทางกฎหมายในประเด็นนี้ โดยคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาชาติ ประกอบด้วย พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ที่ปรึกษา พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ที่ปรึกษา นายวิทยา พานิชพงศ์ ที่ปรึกษา และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ เป็นประธานคณะทำงาน จะประชุมหารือร่วมกับนักกฎหมาย และเตรียมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค และป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไป
 
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
 
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงผ่านสื่อว่า กรณีการลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบตรวจสอบใบหน้า เเละอัตลักษณ์ เป็นคำสั่งตามประกาศของ กสทช. ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 9 เม.ย.62 และประกาศล่าสุดในวันที่ 21 มิ.ย.62 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้ข้อมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังพบว่ามีการขโมยตัวตนบุคคลอื่นไปทำธุรกรรมทางการเงิน หรือใช้บัตรประชาชนคนอื่นไปซื้อซิมการ์ด หรือแจ้งซิมหาย แล้วขโมยตัวตนบุคคลอื่นไปทำธุรกรรมทางการเงินแทน

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการสั่งซิมการ์ดผ่านอินเทอร์เน็ตจากนอกพื้นที่ และประเทศเพื่อนบ้านมาก่อเหตุระเบิด เช่น เหตุระเบิดรูปปั้นนางเงือก ที่แหลมสมิหลา จ.สงขลา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพว่าได้สั่งซื้อซิมจากอินเทอร์เน็ตจริง และยังพบว่า การก่อเหตุหลายครั้ง ผู้ก่อเหตุมักใช้ซิมการ์ดด้วยเบอร์ที่จดทะเบียนด้วยบัตรประชาชนของผู้อื่น

ทั้งนี้ การลงทะเบียนไม่ได้มีการจัดเก็บลายนิ้วมืออย่างที่มีความพยายามของผู้เสียผลประโยชน์ได้ให้ข้อมูล มีเพียงการถ่ายรูปเจ้าของบัตรที่เป็นเจ้าของซิมเท่านั้น และไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป ทหาร และคนอื่นๆ ก็จะต้องอยู่ในระเบียบเดียวกันทั้งหมด โดยยืนยันว่าเป็นการปกป้องสิทธิของผู้บริสุทธิ์จากกลุ่มมิจฉาชีพ และกลุ่มก่อเหตุที่ใช้บัตรประชาชนคนอื่นไปซื้อซิม ไม่ได้มีเจตนาละเมิดสิทธิแต่อย่างใด
 


กำลังโหลดความคิดเห็น