ยะลา - ผอ.สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ให้ความมั่นใจ “กาแฟยะลา” จะสร้างอัตลักษณ์ในรสชาติของกาแฟ และเป็นพืชทางเลือกแก่เกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลา ได้อีกทางหนึ่ง
นายสุภรณ์ ด้วงดี กรรมการบริษัท เซาว์เทิร์นแอคดิเคาเจอร์ยะลา และคณะทำงานโครงการกาแฟ “คีรีเขตคอฟฟี่” โดยการสนับสนุนของ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดยะลา ได้เชิญ นายสนอง จรินทร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ร่วมทดสอบรสชาติกาแฟที่ได้ปลูกในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อการันตีถึงคุณภาพ และรสชาติที่ติดอันดับกาแฟรสชาติดีที่สุดของประเทศไทย
โดยภายหลังจากที่โครงการสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลา โดยเฉพาะ อ.บันนังสตา ธารโต และ อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีการแจกจ่ายต้นพันธุ์กาแฟโรบัสต้า ให้แก่เกษตรกรไปแล้วกว่า 1 แสนต้น เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรชาวสวนที่มีสวนยางพารา สวนผลไม้ นำต้นพันธุ์กาแฟไปปลูกแซมในสวน และเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือก ที่จะช่วยให้เกษตรกรใน จ.ยะลา มีรายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมานั้น ทางศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดยะลา ได้มีการจัดทำแปลงสาธิตการปลูกกาแฟโรบัสต้า และนำผลผลิตเมล็ดกาแฟจากแปลงสาธิตไปให้นักวิชาการด้านกาแฟ ร่วมกันทดสอบ และชิมรสชาติกาแฟจาก จ.ยะลา จนเป็นที่ยอมรับว่ามีรสชาติที่ดี และแตกต่างจากกาแฟในพื้นที่ภาคอื่นๆ ของประเทศไทย
ทำให้กองทัพภาค 4 และเทศบาลนครยะลา ร่วมกับภาคเอกชน โดยบริษัท เซาเทิร์นแอคดิเคาเจอร์ยะลา จับมือกันเพื่อขอสนับสนุนต้นพันธุ์กาแฟ จากกรมวิชาการเกษตร และศูนย์เกษตรแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงใหม่ นำต้นพันธุ์กาแฟอาราบิก้า จำนวน 2 แสนต้น มาแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลา ที่สนใจจะปลูกกาแฟเป็นพืชทางเลือก
โดยเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ได้มีการนำเมล็ดกาแฟจากหลากหลายพื้นที่มาร่วมทดสอบ และชิมรสชาติของกาแฟอีกครั้ง เพื่อเป็นการการันตีให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลา มีความมั่นใจ เนื่องจากมีตลาดที่จะรองรับผลผลิตเมล็ดพันธุ์กาแฟของเกษตรกรที่ได้เพาะปลูกไปแล้ว
นายสนอง จรินทร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า โดยจาการทำคัพเทสกาแฟจาก จ.ยะลา หลังจากที่ทำการคั่วเมล็ดกาแฟในระดับกลาง ผลที่ได้รับคือ มีความบาลานซ์ ทั้งจากความเข้มข้นของรสชาติ และความสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน ซึ่งผลจากการทดสอบ และทดลองชิมรสชาติกาแฟแล้ว ก็เห็นผลว่าเป็นกาแฟโรบัสต้าที่มีอัตลักษณ์ของ จ.ยะลา ทั้งค่าความหวาน และค่าของคุณภาพความเข้มข้นในตัวของกาแฟเอง อยู่ในระดับที่สูงกว่า และเหมาะสมกว่ากาแฟตัวอื่นๆ ที่ได้ทดสอบร่วมกัน
ทั้งนี้ เห็นว่า หากในอนาคตนั้นมีการใส่ใจด้านคุณภาพ ตั้งแต่การเพาะปลูกจากเกษตรกร ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต และการโปรเซสนำไปผสมรวมกับกาแฟตัวอื่นๆ ก็จะสามารถทำให้เกิดคุณค่า และราคามากขึ้น นอกจากนี้ ทางสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร พร้อมให้การสนับสนุน ทั้งด้านวิชาการ และความรู้แก่เกษตรกร โดยมีศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดยะลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เป็นหน่วยงานที่ดูแล และคอยให้การสนับสนุนแก่เกษตรกรในพื้นที่โดยตรง
ด้าน นายสุภรณ์ ด้วงดี คณะทำงานโครงการกาแฟ “คีรีเขตคอฟฟี่” เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการแจกจ่ายต้นพันธุ์กาแฟไปให้แก่เกษตรกรใน จ.ยะลา เกือบ 1 แสนต้น ในห้วงที่ผ่านมา และคาดว่าในปลายปีหรือต้นปีหน้านี้ก็จะมีผลผลิตกาแฟจากเกษตรกรชาวยะลาออกสู่ท้องตลาด ซึ่งทางคณะทำงานโครงการสนับสนุนการปลูกกาแฟ ได้ดำเนินการในด้านการรองรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร โดยมีการก่อสร้างโรงงาน และก่อสร้างร้านกาแฟ เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าจากเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ได้จากเกษตรกร โดยที่ผ่านมา จากการนำกาแฟที่ปลูกในศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดยะลา ไปให้นักวิชาการ และนักชิมกาแฟได้ทดสอบชิมรสชาติแล้ว พบว่า รสชาติกาแฟยะลา อยู่ในกลุ่มของบราวซูการ์ คือเป็นกาแฟโรบัสต้า แต่รสชาติอยู่ในกลุ่มอาราบบิก้า ทั้งนี้ อาจจะมีผลมาจากสภาพดิน และสภาพอากาศของพื้นที่ จ.ยะลา ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟ
สุดท้ายแล้วทางคณะทำงานฯ สนับสนุนให้เกษตรกรยะลาปลูกกาแฟ ก็พร้อมให้ความมั่นใจในเรื่องของผลผลิตที่จะรับซื้อจากเกษตรกร โดยการจัดวางโครงสร้าง และการทำโรงงานรับซื้อเมล็ดกาแฟในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อให้เกษตรกรได้นำมาขาย และต่อไป จ.ยะลา ก็จะมีแบรนด์ของกาแฟที่เป็นผลผลิตจาก จ.ยะลา โดยชื่อว่า “คีรีเขตคอฟฟี่” ให้แก่คอกาแฟได้รู้จักกันอย่างแน่นอน