อพยพซ้ำซาก! คนบ้านกะทูน เหยื่อโคลนถล่ม จะถูกย้ายอีกครั้งจากโครงการเชื่อนคลองสังข์

 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักวิชาการวอนสังคมไทยช่วยต้านเขื่อนคลองสังข์ ชี้คนในพื้นที่เดิมมาจากพื้นที่สร้างเขื่อน เริ่มลืมตาอ้าปากได้ แต่จะถูกย้ายอีกแล้ว กลุ่มปกป้องคลองสังข์เขียนชีวิตคนในพื้นที่เหมือนถูกลอยแพ หมดทั้งที่อยู่ หมดทั้งอาชีพ

วันนี้ (19 มิ.ย.) ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นักวิชาการที่มีพื้นเพเป็นคนปักษ์ใต้ และติดตามความเคลื่อนไหวกรณีการแย่งชิงทรัพยากรในภาคใต้อย่างใกล้ชิด ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Chainarong Setthachua” เกี่ยวกับกรณีที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนคลองสังข์ จ.นครศรีธรรมราช โดยจะมีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้ประสบภัยพิบัติโคลนและท่อนซุง ที่กะทูนและเขาพระ อ.พิปูน เมื่อปี 2531 และต้องย้ายออกจากพื้นที่ประสบภัยมาอยู่ที่คลองสังข์ เนื่องจากรัฐนำที่ดินบริเวณไปสร้างเขื่อนกะทูนและพิปูนว่า สังคมไทยต้องไม่ปล่อยให้คนคลองสังข์ถูกกระทำซ้ำอีก โดยที่โครงการไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ควรสร้าง

ดร.ไชยณรงค์ โพสต์ไว้ว่า

“ชะตากรรมของพี่น้องกะทูน-พิปูน
2531 เกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มที่กะทูน เขาพระ คีรีวง เพราะรัฐให้สัมปทานป่าไม้แก่นายทุน มีผู้เสียชีวิต 700 คน
หลังเกิดเหตุ กรมชลฯ เอาที่ดินที่ถูกดินโคลนถล่มไปสร้างเขื่อนกะทูนและเขื่อนคลองดินแดง โดยที่อ่างเก็บน้ำได้ท่วมทั้งบ้านเรือน วัด และเมรุเผาศพ เมื่อน้ำลดก็จะเห็นภาพซากของชุมชนที่เคยจมใต้น้ำ ดังในภาพคือเขื่อนกะทูน (ภาพพวกนี้ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ แต่ขอให้นึกถึงน้ำตาของพี่น้องครับ)
การสร้างเขื่อนได้มีการเวนคืนที่และจ่ายค่าชดเชย ชาวบ้านระบุว่ามีการโกงชาวบ้านกันมโหฬาร บางคนได้ค่าชดเชยแค่ 3,000 บาท
12 สิงหาคม 2532 รัฐได้อพยพคนที่รอดชีวิตและถูกเวนคืนที่ดินมาไว้ที่คลองสังข์ 210 ครอบครัว และให้สิทธิทำกิน สปก.
30 ปีหลังเหตุการณ์ดินโคลนถล่มที่กะทูนและพิปูน สวนของชาวบ้านเริ่มออกผล ทุเรียนออกลูก ทุกคนลืมตาอ้าปาก ชะตากรรมใหม่ก็เริ่มอีกครั้ง
ชาวบ้านถูกลวงให้คืนสิทธิ สปก. บอกว่าจะได้ทั้งเงินและได้ที่ดิน ชาวบ้านบางส่วนรับเงินค่าชดเชย แต่ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะได้ที่ดิน
มิถุนายน 2561 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราชมีจดหมายมาถึงชาวบ้านในเชิงข่มขู่ให้คืนสิทธิ สปก. มิฉะนั้นจะเพิกถอนสิทธิ
ต้องกล่าวด้วยว่าเขื่อนคลองสังข์ กรมชลฯ ระบุว่าเป็นโครงการพระราชดำริ แต่โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2523 แปลว่ารัฐรู้อยู่แล้วว่าที่นี่จะมีเขื่อน แต่ทำไมยังอพยพพี่น้องจากกะทูนและเขาพระมาไว้ที่นี่ในปี 2532
ในปี 2523 ขณะนั้นพื้นที่ท้ายเขื่อนยังทำนา
แต่ในปัจจุบัน พื่นที่ท้ายเขื่อนคือสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน ขณะที่โครงการระบุวัตถุประสงค์ว่าเพื่อการชลประทานสำหรับปลูกข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน
คำถามก็คือ ไม่มีการทำนา ทำไมยังอ้างการปลูกข้าว และมีด้วยหรือในโลกนี้ที่การปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันต้องมีระบบชลประทาน
โครงการนี้มูลค่าการก่อสร้าง 880 ประโยชน์ของโครงการไม่มีจริง ขณะที่ต้องอพยพชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่คือผู้ที่ประสบภัยพิบัติที่กะทูนและเขาพระ อ.พิปูน และเคยถูกนำที่ดินไปสร้างเขื่อนกะทูนและพิปูน
สังคมไทยต้องไม่ปล่อยให้พี่น้องคลองสังข์ถูกกระทำซ้ำอีก และที่สำคัญ ต้องหยุดการกระทำของหน่วยงานราชการที่อิงแอบกับสถาบันมาสร้างความชอบธรรม ทั้งที่โครงการไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ควรจะสร้าง
ขอขอบคุณภาพจาก MTHAI”

ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ชีวิตดีดี ครุดจ้อน ได้โพสต์เรื่องราวของชาวคลองสังข์ ซึ่งเป็นลูกจ้าง กยท. โดยระบุว่า

“เรื่องราวของ..คุณตั้ม
คุณตั้มเป็นลูกจ้างเหมา กยท. ทำงานวันละ200฿ หน้าที่ของคุณตั้ม ยกน้ำยางใส่ตะกง(ถังเก็บน้ำยาง)ตัก%น้ำยาง ทำความสะอาดบริเวณรอบๆที่ทำงาน ล้างถังน้ำยางและอุปกรณ์ทำงานต่างๆ แลกเงินค่าจ้างวันละ200฿
เดิมคุณตั้มเคยเป็นช่างเสริมสวย อยู่กทม.รับเงินค่าจ้างและ%จากกำไรทางร้านคุณตั้มจะได้รับเงินเดือน25000-35000ต่อเดือน แต่ชีวิตคุณตั้มต้องกลับบ้าน มาดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ต้องกลับบ้านมากรีดยางเป็นลูกจ่างกยท. โดยแลกค่าแรงเพียงน้อยนิด
ซ้ำเติมคือที่อยู่ที่ทำงานของคุณตั้มกำลังจะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ โดย กยท.ได้ยกพื้นที่ให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ แน่คุณตั้งต้องโดยย้ายออก ไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน ตกงาน
กระผมขอวอรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลพวกเขาหน่อย
1แชร์ เพื่อให้สังคมรู้ว่ายังมีคนลำบากอย่างคุณตั้มอยู่
17.06.2562
นนทนันท์ (เดียว) ครุดจ้อน
กลุ่ม.ปกป้องคลองสังข์”

และ

“เรื่องราวสั้นๆจาก.
เอิญ.ลูกจ้าง กยท ผู้ได้รับผลทบจากอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ ไร้ที่อยู่และงานทำทันทีเมื่อเกิดโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์
ทุกวันนี้อยู่อย่างระเเวงว่าเขาจะไล่ทีอยู่อาศัยวันไหน ถ้าวันนั้นมาถึง ครอบครัวเอิญจะไปอยู่ใหน วันนี้เรายังมีที่อยู่ มีงานทำ วันข้างหน้าไม่มีที่อยู่ไม่มีงานทำครอบครัวจะอดตายไหม เป็นเสียงสะท้อนจากเอิญผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถูกมองข้างจากการศึกษาผลกระทบอ่างเก็บน้ำคลองสังข์
ช่วยคนละ1แชร์ ให้สังคมได้รู้เรื่องราวว่ามีคนเดือดร้อนอยู่ที่โดนลอยแพ จากโครงการนี้
16.06.2562
นนทนันท์ (เดียว) ครุดจ้อน
กลุ่ม.ปกป้องคลองสังข์”