ตรัง - สุดฮือฮา "สภาราชินี" ร.ร.มัธยมศึกษาประจำ จ.ตรัง แสดงออกเกี่ยวกับการเมือง ในกิจกรรมเดินพาเหรดกีฬาสีประจำปี 2562 ผอ.ร.ร.เผยขออนุญาตก่อนแล้ว เข้าใจเด็กอยากแสดงออกทางการเมือง ประธานสภานักเรียนยันคิดเอง ชี้ต้องการสื่อให้เห็นว่า เด็กตื่นตัวเรื่องการเมือง เฝ้ามองการพัฒนาประเทศ
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ จ.ตรัง ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวถึงกรณีที่ ร.ร.สภาราชินี โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาประจำ จ.ตรัง ได้จัดขบวนพาเหรดกีฬาสีประจำปี 2562 เมื่อวานนี้ โดยมีการแสดงออกเกี่ยวกับการเมืองในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทำหุ่นและเขียนเป็นป้ายผ้าล้อการเมือง เช่น ทำหุ่นรูปหน้าคล้ายกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับข้อความว่า "เรารักลุงตู๋" ซึ่งเป็นข้อความที่คล้าย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เคยเขียนในสื่อออนไลน์ จนโลกโซเชียลนำไปล้อและถามกลับว่า ลุงตู๋คือใคร พร้อมปั้นแท่งคล้ายหลักกิโลเมตรไปวางไว้ข้างๆ มีข้อความว่า "ม.44" และป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "5 ปีที่ผ่านมา ผมว่ายังไม่พอ ผมเลยจะขอทำต่ออีก 4 ปี"
นายสุรศักดิ์ ยี่หลัก ผอ.ร.ร.สภาราชินี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ก่อนที่จะมีการจัดกิจกรรมการแสดงออกเกี่ยวกับการเมืองในครั้งนี้ ประธานสภานักเรียนได้นำรูปแบบและข้อความมาเสนอต่อฝ่ายปกครองแล้ว ซึ่งโรงเรียนตรวจสอบกลั่นกรองแล้วเห็นว่ามีลักษณะหรือเนื้อหาที่มิได้ส่อไปถึงความรุนแรงใดๆ จึงอนุญาตให้ดำเนินการ โดยเข้าใจถึงความคิดของนักเรียนที่ต้องการแสดงออกทางการเมือง แต่ทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่เหมาะสม ซึ่งหลังจากที่มีการนำภาพการแสดงออกทางการเมืองดังกล่าวไปเสนอผ่านโลกออนไลน์ แม้อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง แต่ผู้ใหญ่ก็เข้าใจ ไม่ได้ตำหนิอะไรนักเรียนหรือโรงเรียน เนื่องจากทุกอย่างได้ดำเนินการอย่างรอบคอบหรือรอบด้านแล้ว
ด้าน นายอินทนนท์ รัศมี หรือน้องตรัง ประธานสภานักเรียน ร.ร.สภาราชินี ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ก่อนดำเนินการ ตนได้ขออนุญาต ผอ.เกี่ยวกับการจัดขบวนล้อการเมืองแล้ว พร้อมส่งตัวอย่างป้ายผ้าและตัวหุ่นให้ดู แต่เนื่องจากเนื้อหาดูเก่าเกินไป ตนจึงหยิบประเด็นที่เป็นปัจจุบันมานำเสนอแทน จึงกลายเป็นรูปภาพที่ทุกคนต่างแชร์กัน
เพราะฉะนั้น กิจกรรมนี้จึงไม่ได้เกิดจากการกลั่นกรองของคณะครู แต่เกิดจากความคิดของตน และคณะทำงานที่ต้องการสื่อให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนคือปัจจุบันของชาติ ที่ตื่นตัวกับเรื่องการเมืองอยู่ตลอดเวลา และเรากำลังเฝ้ามองการพัฒนาของประเทศ จึงได้สะท้อนมุมมองของเด็กและเยาวชนผ่านขบวนล้อการเมืองดังกล่าว