ปัตตานี - ศาลจังหวัดปัตตานี พิพากษาจำคุก 27 ปี “มาหามะ เจะและ” มือแขวนป้ายผ้า และเผาเสาไฟฟ้าใน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อพฤษภาคม 2561 จำเลยสารภาพศาลลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 13 ปี 7 เดือน คดีสิ้นสุด
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายแขวนป้ายผ้า และเผาเสาไฟฟ้า ในพื้นที่ ต.ลูโบะยีไร อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2561 จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุติดป้ายผ้า พร้อมเขียนข้อความโจมตีเจ้าหน้าที่ โดยคนร้ายให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกรวม 4 คน ก่อเหตุ และยังอ้างว่าหลังออกจากคุก ตนเองตั้งใจจะเลิกเกี่ยวข้องผู้ก่อการร้าย แต่นายบูคอลี เจะหะ ได้มาหา และเชิญชวนเชิงข่มขู่ให้ร่วมก่อเหตุอีกครั้ง ตนจึงยอมทำ ซึ่งคดีนี้มีหลักฐานเป็นผลดีเอ็นเอ จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง
โดยพบประวัติ นายมาหามะ เจะและ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อ 11 ม.ค. 2557 สารภาพว่าเป็นผู้ก่อการร้ายใน อ.มายอ เคยก่อเหตุ 3 เหตุ เมื่อขึ้นสู่ชั้นศาลได้พลิกคำให้การ ศาลจึงพิจารณาว่าทั้ง 3 คดี โจทก์มีเพียงคำรับสารภาพในชั้นซักถาม ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าฟังไม่ขึ้นให้ “ยกฟ้อง” และปล่อยตัวเมื่อ ต.ค. 2557 (ถูกจำคุก 8 เดือน)
จนล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) พิพากษาคดีดำที่ อ.3245/61 โดยนายมาหามะ เจะและ เป็นจำเลยความผิดฐานก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร จากเหตุแขวนป้ายผ้า และเผาสายไฟใน อ.มายอ จ.ปัตตานี (4 พ.ค. 2561) ตัดสินลงโทษ นายมาหามะ เจะและ “จำคุก 27 ปี” แต่จำเลยสารภาพชั้นศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือ “จำคุก 13 ปี 7 เดือน” และถือว่าคดีนี้สิ้นสุด
โดยการลงโทษคดีติดป้ายผ้าในคดีนี้ ถือว่าเป็นคดีที่ 2 ในรอบ 15 ปี ซึ่งคดีแรกเมื่อ 22 ม.ค. 2562 ศาลตัดสิน “จำคุก” นายมูฮัมหมัด เปาะเล๊าะ จำนวน 4 ปี แต่สารภาพคงเหลือ “จำคุก 2 ปี” และคดีสิ้นสุด