พัทลุง - เหยื่อกลลวงแกงค์ต้มตุ๋นวอน ตร.พัทลุงเร่งดำเนินคดี หลังเบี้ยวนัดคืนเงิน 4.6 ล้านบาท ที่หลอกเอาโฉนดที่ดินมาอ้างก่อนหน้านี้
วันนี้ (3 มิ.ย.) น.ส.วรรณี จริงจิตร อายุ 64 ปี ชาว จ.พัทลุง ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เร่งดำเนินคดีแกงค์มิจฉาชีพ ที่ร่วมกันหลอกโกงเงิน จำนวน 4.6 ล้านบาท หลังจากเบี้ยวนัด ไม่ยอมเอาเงินมาคืนตามที่ได้ไกล่เกลี่ยกันก่อนหน้านี้ โดยเมื่อประมาณต้นปี มีมิจฉาชีพได้เริ่มมาซื้อไข่ จากนั้นก็มาเป็นประจำ จนเริ่มสนิทสนม และได้ขอยืมเงิน ซึ่ง น.ส.วรรณีได้บอกไปว่า ไม่มี ก็พยายามตื้อ จนกระทั่ง น.ส.วรรณี บอกว่า มีโฉนดอยู่ 2 ใบ มีคนมาจำนำไว้นานมากแล้ว ให้ลองเอาไปจำนำต่อดู
จากนั้น ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ มิจฉาชีพคนดังกล่าวได้กลับมาบอกกับ น.ส.วรรณีว่า เอาโฉนดไปตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินมาแล้ว มีปัญหาอยู่กับ ธ.ก.ส. น.ส.วรรณีต้องเอาเงินไปจ่ายให้ ธ.ก.ส.ก่อน ถ้าจ่ายเงินสดไถ่ถอน จะได้โฉนดเพิ่มอีก 2 แปลง ซึ่งลูกหลานเจ้าของโฉนดที่มาจำนำไว้ จะยกให้โดยจ่ายเงินให้ลูกเขาจำนวนหนึ่ง น.ส.วรรณีหลงเชื่อจนยอมให้โฉนดไป จากนั้น ก็พา น.ส.วรรณีไปเจอกับคนที่คาดว่าจะแอบอ้างเป็นพนักงานที่ดิน เขาบอกว่ากำลังดำเนินการเรื่องที่ดินให้ โดยจะทำให้เป็นชื่อของ น.ส.วรรณีทั้งหมด และขอค่าดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ด้วย
ระหว่างรอดำเนินการ ก็มีคนอ้างว่าเป็นนายทุนโทรมาหา น.ส.วรรณีทำทีขอติดต่อจะซื้อที่ดินในราคาที่สูงมาก จากนั้น มิจฉาชีพได้เอาโฉนดมาให้ น.ส.วรรณี 1 ใบ ด้านหลังมีการแก้ไขเป็นชื่อของ น.ส.วรรณีเรียบร้อย แต่สะกดชื่อผิด ทำให้ต้องแก้ไขชื่อ โดยบอกว่า น.ส.วรรณีต้องเสียค่าจัดทำทำเพิ่มอีก รวมไปถึงค่าถมดิน ค่ากั้นลวดหนามในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ต่อจากนั้นผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ มิจฉาชีพคนดังกล่าว กลับมาบอกว่า ที่ดินมีปัญหาอีก มีการเกี่ยวพันกับการค้ำประกันในชั้นศาล ระหว่างนั้นก็มีคนโทรมาอ้างว่าเป็นผู้พิพากษา บอกว่า ต้องไถ่ถอนโฉนดจากศาลก่อน จึงจะขายที่ดินดังกล่าวได้
ในช่วงที่ น.ส.วรรณีกำลังตัดสินใจ ก็มีคนอ้างว่าเป็นนายทุนโทรศัพท์ติดต่อมาขอซื้อที่ดินอยู่เรื่อยๆ จน น.ส.วรรณียอมที่จะจ่ายค่าไถ่ถอน แต่เรื่องก็ไม่จบ มิจฉาชีพคนดังกล่าว ยังอ้างต่อว่า ทนายบอกว่ายังมีโฉนดแปลงอื่นๆ อีก 7 แปลง ซึ่ง น.ส.วรรณีต้องไถ่ถอนให้หมด โดยให้ไปยืมเงินมาให้ได้ พอไถ่ถอนแล้วขายได้ ก็ได้เงินกลับคืนทันที ซึ่งในระหว่างที่ น.ส.วรรณีกำลังหายืมเงินอยู่นั้น มิจฉาชีพคนนี้ก็ได้พาไปดูที่ดินหลายแห่ง ที่คนที่อ้างว่าเป็นผู้พิพากษาบอกว่าจะเป็นของตน โดยมีคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน คอยให้ข้อมูลอยู่ด้วยทุกครั้งที่ลงพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพา น.ส.วรรณีไป ธ.ก.ส. เพื่อไปคุยเรื่องที่ดิน และยังให้บุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมายืนยันอีกด้วย ทำให้ น.ส.วรรณีหลงเชื่อยอมโอนเงิน
กลุ่มมิจฉาชีพมักอ้างขอเงินสด และจะต้องนัดจ่ายเงินในที่ลับตาคน หรือไม่ก็เป็นตามสถานที่ของหน่วยงานราชการเท่านั้น จนญาติๆ คิดว่า น.ส.วรรณีต้องถูกแกงค์มิจฉาชีพหลอกอย่างแน่นอน จึงพาไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพัทลุง จากนั้นไม่นาน มิจฉาชีพคนนี้ก็มายอมรับกับ น.ส.วรรณีว่าโกงเงินไปจริง โดยขอนัดไกล่เกลี่ยเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใน จ.พัทลุง ร่วมเป็นพยานในการนัดคุยกันด้วย และขออย่าให้ดำเนินคดีใดๆ โดยยอมคืนเงินให้ ตามเวลาที่กำหนดกันทุกบาททุกสตางค์ แต่พอถึงเวลาที่นัดตกลงกันไว้ คือช่วงกลางเดือน พ.ค. กลุ่มมิจฉาชีพก็ไม่ได้ทำตามที่พูดตกลงไว้ก่อนหน้านี้
น.ส.วรรณีจึงออกมาเรียกร้องให้ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุงเร่งดำเนินคดี ทั้งนี้ น.ส.วรรณีเองไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ไม่ค่อยรู้หนังสือ และขณะนี้ จึงเครียดมาก เพราะเงินที่หยิบยืมมา ต้องยอมรับภาระจ่ายดอกเบี้ยเองทั้งหมด
